posttoday

เจ้าสัวเจริญจัดพอร์ตที่ดินทั้งซื้อเพิ่ม-เช่า เผยถือครองกว่า6แสนไร่

12 สิงหาคม 2561

กลุ่มสิริวัฒนภักดี ลุยจัดพอร์ตที่ดินต่อเนื่อง ทั้งซื้อเพิ่ม-เช่าที่ดินทรัพย์สินฯ ขายที่ดินบริษัทในเครือลุยพัฒนาอสังหาฯ

กลุ่มสิริวัฒนภักดี ลุยจัดพอร์ตที่ดินต่อเนื่อง ทั้งซื้อเพิ่ม-เช่าที่ดินทรัพย์สินฯ ขายที่ดินบริษัทในเครือลุยพัฒนาอสังหาฯ

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการซื้อที่ดินบริเวณถนนทางรถไฟสายเก่า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จำนวน 4 แปลง เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ หรือ 9,764 ตารางวา คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 317 ล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบจากบริษัท บางนากลาส ซึ่งเป็นบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือหุ้นใหญ่และเป็นผู้มีอำนาจควบคุมรายเดียวกับบริษัท แผ่นดินทองฯ

ทั้งนี้ บริษัทพิจารณาซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขและราคาเป็นไปตามเกณฑ์ โดยราคาซื้อขายเป็นราคาใกล้เคียงกับราคาประเมินของผู้ประเมินอิสระที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประกอบด้วยบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ประเมินราคาอยู่ที่ 3.3 หมื่นบาท/ตารางวา มูลค่ารวมอยู่ที่ 322 ล้านบาท ส่วนบริษัท จี.พี.วี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ แวลูเอชั่น ประเมินที่ 3.25 หมื่นบาท/ตารางวา หรือคิดเป็นมูลค่าประเมินรวมกว่า 317 ล้านบาท จึงใช้ราคาประเมินจากบริษัท จี.พี.วี โกลบอล พร็อพเพอร์ตี้ฯ ในเบื้องต้นบริษัทมีแผนจะนำที่ดินมาพัฒนาโครงการรูปแบบทาวน์โฮม

ด้าน นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด ไรส์แลนด์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่ากลุ่มสิริวัฒนภักดีเป็นผู้ที่ถือครองที่ดินมากที่สุดในประเทศ ในเบื้องต้นมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 แสนไร่ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ากลุ่มนี้พยายามจัดพอร์ตที่ดินหลายแปลง อย่างเช่นบางแปลงเริ่มต้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในนามบริษัท ยูนิเวนเจอร์ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จด้านการขาย ก็มีการตัดแปลงที่ดินบางส่วนมาให้กับบริษัทแผ่นดินทองฯ นำไปพัฒนาโครงการแทนเนื่องจากการพัฒนาโครงการแนวราบประสบความสำเร็จด้านยอดขายและรายได้มากกว่าโครงการแนวสูง

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากลุ่มสิริวัฒนภักดีไม่ประสบความสำเร็จมากนักกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในนามบริษัท ยูนิเวนเจอร์ แนวทางการพัฒนาที่ดินจึงมาเน้นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น โดยเป็นการขายที่ดินให้กับบริษัทในเครืออย่างแผ่นดินทองฯ นำมาพัฒนาแทน แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความเหมาะสมของแปลงที่ดินเป็นหลัก หากเป็นแปลงที่อยู่ในเมือง หรือเมืองมีการขยายตัวมากขึ้น รูปแบบการพัฒนาจะเปลี่ยนไปเป็นโครงการโรงแรมหรือคอนโดมิเนียม หรือรูปแบบมิกซ์ยูสก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิริวัฒนภักดีได้มีการจัดพอร์ตบริหารที่ดินใหม่อย่างชัดเจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยกระจายการถือครองที่ดินใหม่ พร้อมกับเดินหน้าหาซื้อที่ดินแปลงใหม่เก็บทั่วประเทศ ซึ่งตั้งทีมคุมบริหารเป็นรายกลุ่มธุรกิจ รายทำเล พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้สอดรับกับการพัฒนาของพื้นที่รอบข้าง อย่างธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก หรืออสังหาริมทรัพย์รูปแบบอื่น เพื่อช่วยลดภาระภาษีมรดก

ทั้งนี้ รวมไปถึง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แม้ว่าอาจจะต้องเลื่อนการบังคับใช้ออกไปก็ตาม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ จึงทำให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ต้องปรับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อไม่ให้เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ขณะเดียวกันก็หาโอกาสในการทำธุรกิจอื่นเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม