posttoday

ปูนใหญ่ผนึกบุญถาวรตั้งบริษัทร่วมทุนลุยค้าปลีกที่อยู่อาศัยครบวงจร คาดเปิดปี'62

09 สิงหาคม 2561

ปูนซิเมนต์ไทย ลุยฐานรากประกาศจับมือบุญถาวรตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจร้านค้าปลีกรับออกแบบสินค้าที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร

ปูนซิเมนต์ไทย ลุยฐานรากประกาศจับมือบุญถาวรตั้งบริษัทร่วมทุน ลุยธุรกิจร้านค้าปลีกรับออกแบบสินค้าที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด ได้เข้าทำสัญญาร่วมทุนกับบริษัท บุญถาวรกรุ๊ป (บุญถาวร) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกรับออกแบบสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรในประเทศไทย ภายใต้การบริหารจัดการแบบแฟรนไชส์ในการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกอาคาร

ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนจะมีทุนจดทะเบียน 380 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ระหว่างเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น และบุญถาวรที่ 51% และ 49% ตามลำดับ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสแรก ของปี 2562 การร่วมทุนนี้จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ SCC ให้เข้าถึง และครอบคลุมความต้องการของตลาด ผู้บริโภคได้

สำหรับบุญถาวรมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจร้านค้าปลีกที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทตกแต่งภายในและภายนอกอาคาร และมียอดขายรวมของกลุ่มธุรกิจในปี 2560 ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะยังคงดำเนินธุรกิจเดิมต่อไปภายหลังการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่นี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม SCC ได้แจ้งงบฉบับสอบทานแล้วว่า ในส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างงวดไตรมาส 2 มี รายได้จากการขาย 4.46 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามการเติบโตในตลาดอาเซียน แต่ลดลง 4% หากเทียบกับไตรมาสก่อน จากปัจจัยตามฤดูกาลของตลาดในไทย ประกอบกับความต้องการสินค้าผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและกระเบื้องเซรามิกในไทยยังคงชะลอตัวส่งผลให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีและค่าเสื่อม (อีบิตดา) อยู่ที่ 5,367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 17% หากเทียบกับไตรมาสก่อนโดยมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,677 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 32% จากไตรมาสก่อนหน้า

นอกจากนี้ ตลาดปูนซีเมนต์โดยรวมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากภาครัฐ (ประมาณ 35% ของตลาดโดยรวม) เติบโตขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาคครัวเรือน (ประมาณ 65% ของตลาดโดยรวม) ลดลงเพียง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนปริมาณขายลดลง 11% ผลจากปัจจัยตามฤดูกาล ส่วนความต้องการสินค้ากระเบื้องเซรามิก ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ความต้องการสินค้าผลิตภัณฑ์ก่อสร้างกระเบื้องหลังคาฝ้าเพดานและผนังลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

หุ้น SCC ปิด 452 บาท ลดลง 2 บาทจากการขึ้น XD จ่ายเงินปันผลกลางปีหุ้นละ 8.50 บาท