ฟอร์ด เรนเจอร์ 2018 10 สปีดเครื่องไบเทอร์โบ
ทดสอบ เรนเจอร์ ทั้ง ไวลด์แทรค และรุ่น ลิมิเต็ด ที่มาพร้อมกับเกียร 10 สปีด เครื่องไบเทอร์โบ
โดย...ภูวดล โกมลรัตนเสถียร
ลองขับฉบับนี้ได้ทดสอบ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นปี 2018 ทั้ง ไวลด์แทรค และรุ่นลิมิเต็ด บนเส้นทางเชียงราย เพื่อสัมผัสสมรรถนะของเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่บนทางเรียบ และเส้นทางขรุขระ รวมถึงเส้นทางขึ้นและลงเขาในเส้นทางดอยแม่สลอง ผ่านเส้นทางขึ้นดอยตุงสายเก่า เพื่อทดสอบสมรรถนะการควบคุม ทรงตัว รวมระยะทางในการลองขับครั้งนี้กว่า 700 กม.
ครั้งนี้จะขอพูดถึงไฮไลต์ของรุ่นไวลด์แทรค ซึ่งถือว่าเป็นตัวท็อปของฟอร์ด สิ่งที่แปลกใหม่และเป็นครั้งแรกของตลาดรถกระบะในเมืองไทยมีด้วยกัน 2 จุดใหญ่ คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร ไบเทอร์โบ มอบกำลังสูงสุดถึง 213 แรงม้า ด้วยแรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที
ด้วยการทำงานจับคู่ระหว่างเทอร์โบแรงดันสูง ขนาดเล็ก แบบแปรผัน และเทอร์โบแรงดันต่ำ ขนาดใหญ่ เมื่อเริ่มออกตัวรอบเครื่องยนต์ต่ำจนถึงประมาณ 1,800 รอบ/นาที เทอร์โบขนาดเล็กจะทำงาน เพื่อเพิ่มรอบและแรงบิดในการออกตัว ก่อนที่รอบเครื่องระหว่าง 1,800-3,000 รอบ/นาที แต่ละวาล์วของเทอร์โบจะเปิดอย่างละครึ่งเพื่อทำงานร่วมกันในการเพิ่มแรงม้า ทำให้อัตราการทดจะมาเร็วขึ้น และหากเหยียบคันเร่งรอบเครื่องเกิน 3,000 รอบ/นาที จะเป็นการทำงานของเทอร์โบแรงดันต่ำ เพื่อสร้างแรงม้าช่วงปลาย ช่วยให้เจ้าไวลด์แทรค มีสมรรถนะเครื่องยนต์ที่สูง มีความสมูท และตัวเครื่องยนต์มีความเงียบอย่างชัดเจนขณะที่ขับขี่
อีกสิ่งแปลกใหม่ที่สำคัญ คือ เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) ช่วยให้การจอดรถที่มีความยาวกว่า 5 เมตร สะดวกและง่ายขึ้นด้วยการค้นหาแบบเทียบข้าง เพียงเปิดใช้งานโหมดดังกล่าว ระบบจะเริ่มหาช่องจอดที่ความเร็ว 30 กม./ชม. และขณะเข้าจอดที่ 10 กม./ชม. โดยคนขับจะต้องคอยควบคุมเบรก เกียร์ ตามที่ระบบประมวลผล จากนั้นระบบจะควบคุมพวงมาลัยรถให้เข้าจอดในพื้นที่จอดโดยอัตโนมัติ และหากต้องการยกเลิก ก็เพียงจับไปที่พวงมาลัยเท่านั้น
ไวลด์แทรคยังมีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุด ที่ได้ออกแบบพัฒนาความสามารถของกล้อง และ เรดาร์ เพื่อช่วยให้หยุดรถหลีกเลี่ยงการชนที่อาจเกิดขึ้นด้านหน้า โดยเรดาร์จะตรวจจับรถยนต์และคนที่เดินบนถนน เริ่มทำงานที่ความเร็ว 3.6 กม./ชม.
ขึ้นไป
วิธีการทำงานของระบบดังกล่าวจะแจ้งเตือนบนหน้าปัด เมื่อรถขับเข้าไปใกล้รถคันหน้าหรือคนที่เดินถนนมากเกินไป และหากความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ระบบจะทำการเบรกรถให้โดยอัตโนมัติ หยุดรถแบบนิ่งสนิททันที หากคนขับยังไม่เหยียบเบรก ทั้งนี้ถ้าเป็นการตรวจจับคนจะจำกัดความเร็วที่ไม่เกิน 62 กม./ชม. ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อความเร็วที่สูง เรดาร์จะไม่สามารถตรวจจับรูปลักษณ์ของคนได้ ต่างกับการตรวจจับรถยนต์ที่ไม่มีการจำกัดความเร็วก็สามารถประเมินรูปทรงของรถได้
นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมความ เร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ระบบการเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบแจ้งเตือนการขับขี่ ระบบเปิด-ปิดไฟสูง อัจฉริยะ รวมถึงเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนที่ช่วยให้ภายในห้องโดยสารมีความเงียบได้เป็นอย่างดี
ไม่เพียงเท่านี้ ฟอร์ดยังมีออปชั่นเสริมความปลอดภัยด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 ภาษาไทย ที่มาพร้อมทั้งในรุ่นไวลด์แทรคและรุ่นลิมิเต็ด ซึ่งเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ โดยมีระบบช่วยโทรฉุกเฉิน ต่อสายตรงเบอร์ 1669 ไปยังศูนย์นเรนทร ภายใน 10 วินาที หากเกิดเหตุถุงลมนิรภัยทำงาน หรือระบบการจ่ายน้ำมันหยุดทำงาน เนื่องจากการโดนชนจากท้ายรถ
ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ของฟอร์ด เรนเจอร์ ได้เปลี่ยนจากเครื่องยนต์ตระกูล PUMA มาเป็นตระกูล Panther แม้เครื่องยนต์เล็ก แต่ให้แรงม้า แรงบิดที่สูง มอบสมรรถนะที่ดี รวมถึงช่วยในการประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์และประหยัดค่าดูแลรักษา เช่น ค่าอัตราการเสียภาษีรถยนต์ที่ลดลงเหลือเพียง 3,000-4,000 บาท/ปี จาก 8,000-9,000 บาท/ปี ประหยัดเรื่องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจาก 9.8 ลิตร เหลือเพียง 7 ลิตร
เรียกได้ว่า หลังจากลองขับ ต้องชมเชยฟอร์ดที่คำนึงถึงความปลอดภัย ทำให้มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย แม้จะมีบางจุดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ในรุ่นไวลด์แทรคกับราคา 1.265 ล้านบาท ฟอร์ดอาจจะเพิ่มเบาะที่นั่งข้างคนขับแบบไฟฟ้าอีก 1 จุด หรือการเพิ่มแป้น Paddle Shift เพื่อควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ ทดแทนความไม่ถนัดและคล่องตัวจากการปรับโหมด SelectShift ที่หัวเกียร์
แต่ท้ายที่สุดเชื่อว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ 2018 นี้ จะเป็นตัวเลือกในใจอันดับต้นๆ ของใครอีกหลายคน และจะช่วยให้ฟอร์ดทะยานสถิติยอดขายในปีนี้เป็นแน่ ส่วนคู่แข่งตลาดรถกระบะก็คงต้องมีร้อนมีหนาวอย่างแน่นอน