"เอสแอนด์พี"แตกเพื่อโต งัดกลยุทธ์เพิ่มร้านอาหารแบรนด์ใหม่

เอสแอนด์พีเปิดเกมรุกร้านอาหารแบรนด์ใหม่ รับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ลุยสาขาใหม่ 34 แห่งทั้งในและต่างประเทศ

นางเกศสุดา ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ใหม่มากขึ้น เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภคและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ

สำหรับแผนปีนี้บริษัทจะใช้งบ 300 ล้านบาท เปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ควบคู่ไปกับการขยายสาขาร้านอาหารแบรนด์เดิมและร้านเบเกอรี่ด้วย ซึ่งเบื้องต้นวางแผนไว้ว่าจะเปิดร้านอาหารและเบเกอรี่สาขาใหม่ในประเทศไทยประมาณ 30 สาขา และต่างประเทศอีกประมาณ 4 สาขา

ทั้งนี้ ในส่วนตลาดต่างประเทศที่ปีนี้จะขยายเพิ่ม 4 สาขา ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเปิดร้านเอสแอนด์พีที่ประเทศกัมพูชาไปแล้ว 3 สาขา และในช่วงปลายปีจะเปิดร้านภัทราอีก 1 สาขาที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งจำนวนสาขาที่เปิดดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าแผนงานเดิมที่วางไว้เล็กน้อย เนื่องจากติดปัญหาด้านการหาทำเลสถานที่เปิดร้านและปัญหาด้านบุคลากรที่มีทักษะ

“แผนขยายสาขาในประเทศไทยที่จะเปิดทั้งหมด 30 สาขานั้น บริษัทจะเน้นไปที่ร้านเบเกอรี่มากกว่าร้านอาหาร เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีร้านอาหารเปิดให้บริการรวมกันประมาณ 150 สาขา และร้านเบเกอรี่ประมาณ 350 สาขา”นางเกศสุดา กล่าว

ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้บริษัทหันมาให้ความสนใจเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ เพราะต้องการสร้างความหลากหลายและการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งในส่วนของร้านอาหารแบรนด์ใหม่ที่ได้เปิดตัวไปแล้วในปีนี้ คือ ร้านนายห้าง จะเป็นร้านอาหารไทยจีนสูตรของเอสแอนด์พีที่เคยเปิดให้บริการที่ร้านมังกรทอง โดยสาขาแรกที่เปิดในโครงการ ล้ง ริมน้ำเจ้าพระยา

นอกจากนี้ บริษัทจะขยายเดลิเวอรี่มากขึ้นด้วยการปรับโลโก้ใหม่และจับมือกับพันธมิตรอย่างฟู้ดแพนด้า ไลน์แมน และแกร็บ จัดส่งสินค้า คาดสิ้นปีนี้จะมีรายได้มาจากช่องทางเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้มาจากช่องทางดังกล่าวประมาณ 10% ปัจจุบันเอสแอนด์พีมีร้านอาหารในเครือ ประกอบด้วย เอสแอนด์พี ภัทรา ร้านพาทิโอ ร้านวะนิลา ร้านอูเมโนฮานะ ร้านไมเซน ร้านสุดา และร้านบางกอกแจม