posttoday

ค่ายรถเชื่อธ.ค.ขายพุ่ง

23 กรกฎาคม 2561

ซูซูกิปรับประมาณการตัวเลขตลาดเพิ่มจาก 9.2 แสนคัน เป็น 9.6 แสนคัน รับสัญญาณบวก

ซูซูกิปรับประมาณการตัวเลขตลาดเพิ่มจาก 9.2 แสนคัน เป็น 9.6 แสนคัน รับสัญญาณบวก

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม กรรมการบริหารด้านการขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน ธ.ค.ของปีนี้ จะต้องจับตาดูการเติบโตของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยที่คาดว่าจะมีความคึกคักยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่มีอัตราเติบโตอยู่ในระดับ 18-19% สูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ จากปัจจัยสิ้นสุดการครอบครองรถยนต์คันแรก 5 ปี ที่ปริมาณความต้องการซื้อเริ่มไหลเข้าสู่ตลาดแบบทยอยเปลี่ยนคันใหม่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะส่งผลให้ในช่วงเดือน ธ.ค. คึกคักมาจากโบนัสปลายปีที่เป็นผลมาจากเศรษฐกิจเติบโตดี ส่งผลให้ธุรกิจต่างฟื้นตัวโดยเฉพาะด้านการส่งออกจึงทำให้มีการมอบผลตอบแทนพิเศษแก่พนักงาน รวมถึงงานมหกรรมยานยนต์ (มอเตอร์เอ็กซ์โป) ที่จะเป็นเวทีการแข่งขันและนำเสนอโปรโมชั่นพร้อมผลิตภัณฑ์ใหม่กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค อีกทั้งความชัดเจนของสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่น

“ปัจจัยความชัดเจนของการเมืองแม้ว่ารัฐบาลกำหนดให้มีการเลือกตั้งในช่วงเดือน ก.พ. 2562 ก็ตาม แต่การกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนเช่นนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมมีความเชื่อมั่นและเริ่มมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะเริ่มเห็นเค้าลางที่ดีตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.เป็นต้นไป” นายวัลลภ กล่าว

นอกจากนี้ หากสถานการณ์ของครึ่งปีแรกส่งผลดีต่อเนื่องถึงสิ้นปีและเป็นไปตามที่รัฐบาลประกาศเลือกตั้งแล้วนั้น บริษัทจึงได้มีการปรับประมาณการตัวเลขภาพรวมตลาดใหม่จากต้นปีที่มองไว้ที่ 9.2 แสนคัน เพิ่มขึ้นเป็น 9.6 แสนคัน สำหรับปัจจัยด้านอื่นๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้นตามเช่นกัน อาทิ หนี้ภาคครัวเรือน เริ่มมีสัญญาณลดลงส่งผลให้สถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) คลายความกังวลในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งส่งผลดีต่อเนื่องมายังสถานการณ์การจำหน่ายในตลาด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเป็นไปในทิศทางบวก แต่บริษัทยังไม่มีการปรับเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 3.4 หมื่นคัน ที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปีด้วยเหตุผลในด้านแผนการตลาด ซึ่งบริษัทวางไว้และดำเนินทิศทางให้สอดคล้องตั้งแต่ต้น

ขณะที่สถานการณ์การแข่งขันของโปรโมชั่นในเวลานี้บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์รายต่างๆ มีการจัด โปรโมชั่นส่งเสริมการขายอย่างรุนแรง เพื่อผลักดันให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ด้าน โปรโมชั่นจะยังคงรุนแรงต่อเนื่องจากปัจจัยที่ไม่มีผู้ประกอบการรายใดยอมใช้โปรโมชั่นลดลงก่อน