พิษทรานส์พ่น'นมข้น' ปีนี้ตลาดหมื่นล้านส่อซบต่อเนื่อง
พาเลซผวาคุมไขมันทรานส์มีผลกระทบตลาดนม คาดสิ้นปีทรงตัว หลังก่อนหน้านี้เจอปัจจัยลบคนไทยบริโภคน้อยลง กำลังซื้อลด ฮึดออกสินค้าใหม่กระตุ้น
พาเลซผวาคุมไขมันทรานส์มีผลกระทบตลาดนม คาดสิ้นปีทรงตัว หลังก่อนหน้านี้เจอปัจจัยลบคนไทยบริโภคน้อยลง กำลังซื้อลด ฮึดออกสินค้าใหม่กระตุ้น
นายอิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์ กรรมการบริหาร บริษัท เดลี่ฟู้ดส์ ผู้ผลิตและ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวานภายใต้แบรนด์พาเลซ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดนมข้นหวานและนมข้นจืดปี 2561 นี้ คาดมีอัตราการเติบโตทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ภาพรวมตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 8,000-1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดนมข้นหวาน 80% และตลาดนมข้นจืด 20% เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเจอปัจจัยลบในด้านของกำลังซื้อชะลอตัว และคนไทยบริโภคนมข้นหวานและนมข้นจืดลดลง เพราะต้องการรักษาสุขภาพ
นอกจากนี้ การที่มีการประกาศราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดอาหารที่ห้าม ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายกรดไขมันทรานส์ ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะทำให้ ผู้บริโภคลดการซื้อนมข้นหวานและนมข้นจืด เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างที่ภาครัฐประกาศออกมา
อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และเพื่อสร้างความเข้าใจกับ ผู้บริโภคเกี่ยวกับการประกาศห้ามผลิต นำเข้า และจำหน่ายกรดไขมันทรานส์ อยากให้ภาครัฐออกมาสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับประกาศดังกล่าว เช่น ให้ผู้ผลิตสินค้าสามารถระบุข้อมูลเรื่องไขมันทรานส์ได้ บนฉลาก และสัดส่วนการใช้ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เป็นต้น
สำหรับบริษัทในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง อาหารแช่แข็ง น้ำเชื่อม นมข้นหวาน ครีมเทียมข้นหวาน ซอสมะเขือเทศ และ เนยสด ขอยืนยันว่าบริษัทไม่ได้มีการใช้ ไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบในการผลิตอาหารตั้งแต่ต้น
"จากภาพรวมตลาดที่ค่อนข้างทรงตัวในปีนี้ บริษัทจึงต้องมีการปรับกลยุทธ์ใน การทำตลาด ด้วยการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยล่าสุดได้มีการพัฒนานมข้นพาเลซใหม่อีก 3 รสชาติ คือ พาเลซดิป รสช็อกโกแลต พาเลซดิป รสสตรอเบอร์รี่ และพาเลซดิป รสงาดำ เข้ามาทำตลาด เพื่อให้สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น" นายอิทธิพล กล่าว
ทั้งนี้ ยังได้มีการ "รีเฟรช" แบรนด์ ด้วยการปรับภาพลักษณ์แบรนด์นมข้นพาเลซ ให้มีความสดใส ขณะเดียวกันยังได้ดึง นักร้องหนุ่ม "โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร" มาเป็นแอมบาสซาเดอร์ให้กับสินค้า ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางการขายไปยัง ร้านค้าปลีกมากขึ้น จากเดิมเน้นทำตลาดช่องทางร้านค้าทั่วไปเป็นหลัก โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เติบโตที่ 30% จากปีก่อนมีรายได้ 1,600 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 16% เป็น 20% ในสิ้นปีนี้