posttoday

นอสตราผนึกพันธมิตร รุกไอโอที-คอนซูเมอร์

26 มิถุนายน 2561

จากข้อมูลของการ์ทเนอร์ที่สำรวจ การใช้งานของอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) ภายในปี 2563 จะมีการเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตราว 2 หมื่นล้านชิ้นทั่วโลก

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

จากข้อมูลของการ์ทเนอร์ที่สำรวจ การใช้งานของอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) ภายในปี 2563 จะมีการเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตราว 2 หมื่นล้านชิ้นทั่วโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดข้อมูลจากอุปกรณ์ดังกล่าวถึง 20 เซตาไบต์ (Zettabytes) และก่อให้ เกิดมูลค่าทางธุรกิจที่เกี่ยวกับฮาร์ตแวร์ไอโอทีราว 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ประกอบกับนโยบายประเทศไทย 4.0 (ไทยแลนด์ 4.0) ที่มุ่งเป้าการยกระดับอุตสาหกรรมและธุรกิจสู่ดิจิทัลเพื่อรองรับไอโอทีในประเทศไทยในอนาคต บริษัทจึงมองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจดังกล่าว โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำระดับโลกเพื่อพัฒนาบริการใหม่เพื่อต่อยอดกับฐานธุรกิจเดิมระบบนำทางภายในรถยนต์และข้อมูลแผนที่

วิชัย แสงหิรัญวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลบเทค ผู้ให้บริการข้อมูลแผนที่ดิจิทัล ภายใต้แบรนด์สินค้า "NOSTRA" (นอสตร้า) บริษัทในเครือ ซีดีจี กล่าวว่า บริษัทร่วมมือกับ เดลิเวิร์คส (Daliworks) ผู้ให้บริการด้าน ไอโอทีชั้นนำจากเกาหลีใต้ นำแพลตฟอร์ม "ThingPlus" มาให้บริการในประเทศไทย สำหรับรวบรวมเอาข้อมูลบิ๊กดาต้าจากอุปกรณ์ไอโอทีมาวิเคราะห์ จัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ ค่าใช้จ่ายไม่สูง สามารถขยายความสามารถในการรองรับอุปกรณ์ได้ตามความต้องการ มีเป้าหมายลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คลังสินค้า ธนาคาร โลจิสติกส์

ทั้งนี้ บริษัทยังได้ร่วมมือกับ โมบิลอาย (Mobileye) ผู้ให้บริการระบบช่วยขับ (Advanced Driver-Assistance Systems : ADAS) จากอิสราเอล พัฒนาต่อยอดระบบนำทางให้มีความสามารถในการดูแลความปลอดภัยด้านการ ขนส่งและโลจิสติกส์ รวมถึงรถยนต์ส่วนบุคคล ด้วยการใช้กล้องตรวจจับการขับรถที่สุ่มเสี่ยงต่ออันตราย เช่น การขับรถชิดคันหน้าในระยะเสี่ยง หรือการเปลี่ยนเลนกะทันหัน จับกลุ่มธุรกิจขนส่งและยานยนต์

ขณะที่บริษัทมีแผนจะทำตลาดของผลิตภัณฑ์ โมบิลอาย ในตลาดทดแทน (อาฟเตอร์มาร์เก็ต) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ทำตลาดผู้บริโภค (บีทูซี) จากเดิมเน้นธุรกิจองค์กรเพียงอย่างเดียว (บีทูบี) โดยอยู่ระหว่างการกำหนดราคาขายและรูปแบบการทำตลาดอยู่ ซึ่งจะมีการแต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องเชื่อมต่อกับระบบของตัวรถ จึงต้องมีการอบรมพัฒนาช่างผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง และจะต้องสร้างการตระหนักถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยในการขับขี่เพิ่มขึ้น

"บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากPLUS ธุรกิจไอโอทีจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 10-20% ภายในปี 2562 โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสองผลิตภัณฑ์ ดังกล่าวคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 5% ที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจใหม่"

อย่างไรก็ตาม ปี 2561 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 200 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 160 ล้านบาท จากปัจจัยองค์กรธุรกิจต่างๆ ให้ความสำคัญกับไอโอทีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ดังกล่าว ประกอบกับปริมาณความต้องการใช้ระบบแผนที่นำทางเทคโนโลยีเทเลเมติกส์เป็นอุปกรณ์พื้นฐานเพื่อ เป็นจุดขายรถยนต์ของผู้ประกอบการ ในปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโต อีกทั้งการนำข้อมูลด้านโลเกชั่นมาใช้ประกอบการวิเคราะห์ในเชิงธุรกิจมากขึ้น ขยายฐานผู้ใช้งานในกลุ่มองค์กรขนาดกลางและเล็ก นอกจากนั้นจะมีการปรับปรุงข้อมูลแผนที่ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงภายในอาคาร และบริการขนส่งสาธารณะ