posttoday

หอการค้าไทยเปิดตัวดัชนีความเชื่อมั่น สะท้อนข้อมูลเศรษฐกิจภูมิภาค

21 มิถุนายน 2561

หอการค้าไทยเปิดตัวดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ชี้สำรวจมุมมองภาคเอกชนและนักธุรกิจในพื้นที่แบบลงลึกรายภูมิภาค เผยเดือนพ.ค.ดัชนีอยู่ที่ 47.7 ลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ 49.4 เหตุเป็นช่วงเปิดเทอม-ราคาน้ำมันขึ้น ทำคนไม่กล้าจับจ่าย

หอการค้าไทยเปิดตัวดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ชี้สำรวจมุมมองภาคเอกชนและนักธุรกิจในพื้นที่แบบลงลึกรายภูมิภาค เผยเดือนพ.ค.ดัชนีอยู่ที่ 47.7 ลดลงจากเดือนเม.ย.ที่ 49.4 เหตุเป็นช่วงเปิดเทอม-ราคาน้ำมันขึ้น ทำคนไม่กล้าจับจ่าย

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทเปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้เปิดตัวดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ซึ่งจะเป็นการสำรวจความคิดเห็นจากภาคเอกชนและนักธุรกิจรายภูมิภาค เพื่อสะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจในแต่ละภูมิภาคก่อนส่งข้อมูลที่ได้ให้กับรัฐบาลนำไปใช้ในการวางแผนแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในเดือนพ.ค.2561 พบว่า ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 โดยอยู่ที่ 47.7 ลดลงจากจากเดือนเม.ย.ที่อยู่ 49.4 เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอม ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น และราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตร ซึ่งรายได้ของคนในแต่ละภูมิภาคยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้กำลังซื้อและการบริโภคในภูมิภาคชะลอตัว

อย่างไรก็ดี จากการสำรวจพบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในอนาคตมีค่าสูงกว่าระดับ 50 จึงคาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ต้องดูปัจจัยลบภายนอกที่อาจมีผลต่อเศรษฐกิจไทยด้วย

ทั้งนี้ เมื่อแยกดูตามรายภูมิภาค พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในทุกภูมิภาคยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ยกเว้นกรุงเทพฯและปริมณฑลและภาคตะวันออกที่มีค่าดัชนีเกิน 50 เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว การบริการและการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

นายกลินท์ กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญของภาคธุรกิจในภูมิภาคพบว่ามีอยู่ 3 ด้านหลัก คือ 1.การชะลอตัวของการบริโภค 2.ระดับรายได้ที่กระจุกตัวบางพื้นที่ และ3.ระดับราคาพืชผลทางการเกษตรที่อยู่ในระดับต่ำ โดยภาคเอกชนได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและธุรกิจในภูมิภาคใน 3 เรื่องเช่นกัน ได้แก่ 1.ให้รัฐเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับแผนงานที่วางไว้ เพื่อให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในพื้นที่ 2.สร้างแรงจูงใจให้เกิดการกิจกรรมการเมืองรอง ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการจัดประชุมสัมมนา โดยมีสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีจูงใจให้ภาคเอกชน และ3. คณะทำงานประชารัฐด้านการท่องเที่ยว (ดี3) กำลังเร่งผลักดันเรื่องการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต รีฟันด์) นอกสนามบิน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศไทย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การทำดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยครั้งนี้ จะเป็นการมองเศรษฐกิจรายภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศษสตร์ชาติที่ต้องการกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่นมากขึ้น ทำให้ดัชนีตัวนี้จะกลายเป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่มีสำคัญมากขึ้นในการนำมาปรับใช้ในการวางแผนโครงการต่างๆ ของรัฐบาล

“จากการสำรวจทำให้เห็นภาพว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวในบางพื้นที่ ตัวที่ยังมีปัญหาคือ ภาคใต้ เนื่องจากราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพาราซึ่งเป็นรายได้หลักของคนในพื้นที่ภาคใต้ยังต่ำอยู่ จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเร่งอัดฉีดเม็ดเงินลงไปเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและการใช้จ่ายในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเสรษฐกิจภาพรวมจะฟื้นตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค”นายธนวรรธน์ กล่าว

ภาพประกอบข่าวจากแฟ้มภาพ