posttoday

ปั้นไทยฮับอัญมณีฯ ยกระดับสู่ตลาดโลก

31 พฤษภาคม 2561

สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญมีการส่งออกเป็นอันดับที่ 3 รองจากอุตสาหกรรมยานยนต์และคอมพิวเตอร์มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท/ปี

โดย...ภูวดล โกมลรัตนเสถียร

สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญมีการส่งออกเป็นอันดับที่ 3 รองจากอุตสาหกรรมยานยนต์และคอมพิวเตอร์มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท/ปี และเมื่อรวมมูลค่าการเติบโตภายในประเทศจะมีสัดส่วนในระบบเศรษฐกิจถึง 7% เมื่อเทียบกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี)

ดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและ เครื่องประดับแห่งชาติ (จีไอที) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับนับเป็นส่วนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมีสัดส่วนการส่งออกกว่า 80% ซึ่งหากมีผลกระทบด้านการส่งออกจะมีผลต่อเนื่องถึงเศรษฐกิจ การจ้างงานที่ปัจจุบันมีแรงงานที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 2 ล้านคน

ดังนั้น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยสู่ตลาดโลก จะต้องสร้างมาตรฐานการผลิตและคุณภาพเป็นที่ยอมรับ โดยสถาบันจีไอทีได้ตั้งเป้าส่งเสริมผู้ประกอบการ ผลักดันอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โดยเฉพาะการรับรองมาตรฐาน ฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือ สร้างเอกลักษณ์ โดยนำภูมิปัญญา ท้องถิ่นมาพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงเป็นศูนย์รวมจิวเวลรี่ หรือ แลนด์ออฟจิวเวลรี่ ภายในปี 2564

ด้านแผนดำเนินการจีไอทีจะ ผลักดันมาตรฐานอัญมณี ผ่านการใช้เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน หรือเครื่องหมายตราสัญลักษณ์ฮอลล์มาร์ค ที่จะใช้ตรวจสอบและรับรองมาตรฐานโลหะมีค่า โดยจะมีใบรับรองให้กับ ผู้ประกอบการและผู้ซื้อ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอัญมณีฯไทยและป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคถูกหลอก พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในการป้องกันการปลอมแปลงเอกสารใบรับรองอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค

พร้อมกันนี้ ได้จัดทำโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ หรือ Buy with Confidence โดยร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้กับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนัก ท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยกว่า 11 ล้านคน เพื่อให้ผู้บริโภครับทราบข้อมูล สามารถตรวจสอบใบรับรองหรือใบเซอร์ กรณีไปซื้ออัญมณีและเครื่องประดับได้ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด

ขณะเดียวกัน สถาบันจะพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการโดยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าสู่เว็บไซต์ thaitrade.com เพื่อนำสินค้าออกสู่ตลาดโลก พร้อมเตรียมที่จะโรดโชว์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมซื้อด้วยความมั่นใจในต่างประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่น ศรีลังกา รวมถึงการร่วมจัดงานแฟร์ เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่น ต่อสินค้าไทยให้กับคู่ค้าทั่วโลก

ดวงกมล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของสถาบัน เตรียมรวบรวมผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพที่เคยเข้าร่วมโครงการกว่า 3,000 ราย มาร่วมหารือและสัมมนาแนวโน้มของอุตสาหกรรม พร้อมจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เพื่อร่วม ผลักดันเป้าหมายการพัฒนาอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ สถานการณ์การส่งออก อัญมณีและเครื่องประดับในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าอยู่ที่ 2,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 6.4% จาก ปีก่อน จากภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัว ส่งผลต่อความต้องการและกำลังซื้อขยายตัวมีตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ จีน ฮ่องกง สหรัฐ ยุโรป และอาเซียน

สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ เครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทอง เครื่องประดับเทียม เพชร พลอยเนื้อแข็ง และพลอยสี และคาดว่าจากเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะหนุนภาพรวมตลอดทั้งปีนี้ให้เติบโตและสดใส