posttoday

บีเอ็มฯ เปิดโมเดลธุรกิจ เสริมทัพหลังการขาย

04 พฤษภาคม 2561

บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป เปิดโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ บีเอ็มดับเบิลยู เซอร์วิส เอาท์เล็ท

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

การบริการถือเป็นหัวใจสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบและสร้างความพึงพอใจที่เหนือความคาดหมายให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย

คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทเปิดโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ บีเอ็มดับเบิลยู เซอร์วิส เอาท์เล็ท (BMW Service Outlet) ศูนย์บริการหลังการขายของบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการแห่งแรกของประเทศไทย โดยร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ บีเอ็มดับเบิลยู อมรเพรสทีจ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการอย่างครบวงจร

วรรณภา ตั้งบรรยงค์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อมรเพรสทีจ ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูอย่าง เป็นทางการ กล่าวว่า ทางบริษัทใช้เงิน ลงทุนมากกว่า 33 ล้านบาท บนพื้นที่ 1,171 ตร.ม. มีจำนวน 4 ช่องซ่อม และ 2 ช่องซ่อมแบบซ่อมด่วน (ฟาสท์เลน) พร้อมทั้งรองรับบริการชาร์จรถยนต์ ไฟฟ้าและรถยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 2 ช่องจอด

ศูนย์บริการแห่งนี้จะรองรับการบริการนัดหมายล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ (ออนไลน์ บุ๊กกิ้ง) และการ นัดหมายอัตโนมัติผ่านบีเอ็มดับเบิลยู เทเลเซอร์วิส (BMW Teleservice) ซึ่งเป็นฟีเจอร์พื้นฐานของบีเอ็มดับเบิลยู คอนเนกเต็ด ไดรฟ์ (BMW Connected Drive) ที่รถยนต์สามารถแชร์ข้อมูลไปยังศูนย์บริการได้อัตโนมัติ อีกทั้งเทคโนโลยีในการให้บริการในศูนย์ดังกล่าวเป็นมาตรฐานเดียวกันกับประเทศเยอรมนี และเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า ISPA สามารถอ่านข้อมูลผ่านไอแพดเป็นแห่งแรกในประเทศไทย

ซีซาร์ บาดิลย่า ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า แผนการขยาย บีเอ็มดับเบิลยู เซอร์วิส เอาท์เล็ท ในปี 2561 จะมีเพิ่มอีก 4 แห่ง ในพื้นที่เขต กทม. ได้แก่ สุวรรณภูมิ บางแค มีนบุรี และราชพฤกษ์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 แห่งในปี 2568 โดยบริษัทจะ ขยายโมเดลธุรกิจรูปแบบดังกล่าวให้ครอบคลุมทั้งรถใหม่และรถคลาสสิกของบีเอ็มฯ ที่มีอยู่ในประเทศไทย พร้อมช่วยเสริมความมั่นใจในการให้บริการกระตุ้นการขายรถยนต์คันที่ 2-3 ของ บีเอ็มฯ ได้อีกด้วย

ลาร์ส นีลเซ่น ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า ยอดจำหน่าย รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิรวม ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 อยู่ที่ 2,680 คัน เติบโตขึ้น 7% เมื่อเทียบ กับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บีเอ็มดับเบิลยู 2,495 คัน เติบโตขึ้น 19% และมินิ 185 คัน ทรงตัวเมื่อ เทียบกับปีก่อน ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด อยู่ที่ 504 คัน เติบโตขึ้น 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อน

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมของประเทศไทยไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 6,545 คัน เติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและการสนับสนุนให้เกิดระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เติบโตขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนเงิน จีดีพี ที่สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคในกลุ่มดังกล่าว ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะมีอัตราเติบโต 2 หลัก