จี้รัฐแก้แออัดท่าเรือแหลมฉบัง

สรท.เสนอภาครัฐเร่งขยายระบบรางเชื่อมเข้าท่าเรือ-สร้างไอซีดีเพิ่ม หวังเพิ่มทางเลือกขนส่งสินค้า

นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ แห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ค่าระวางเรือมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นไปจนถึงไตรมาส 3 โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. เนื่องจากเป็นช่วงสงกรานต์ที่ผู้ส่งออกเร่งส่งสินค้า รวมทั้งเป็นช่วงที่ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรเริ่มออกสู่ ตลาด จึงทำให้จำนวนตู้คอนเทรนเนอร์สินค้าในช่วงดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความต้องการ

นอกจากนี้ ปัญหาความแออัดในการขนถ่ายสินค้าบริเวณท่าเรือแหลมฉบังทำให้ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าซึ่ง ต้องใช้การขนส่งผ่านทางถนนเป็นหลักเรียกเก็บค่าหัวรถจักรเพิ่มขึ้นอีก 1,000 บาท/ตู้ เพราะทำให้มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังทำให้เสียเวลาไม่สามารถทำรอบได้ ทำให้เกิดต้นทุนต่อผู้ส่งออกเพิ่มขึ้นทันที 4,000 ล้านบาท/ปี (คำนวณจากจำนวนตู้คอนเทรนเนอร์ที่ส่งออก 4 ล้านตู้/ปี)

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธาน สรท. กล่าวว่า สรท.เสนอให้ ผลักดันการเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางเชื่อมเข้าไปในท่าเรือ โดยกระทรวงคมนาคมควรจัดซื้อหัวรถจักรและแคร่รถไฟ เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวรถขนส่งให้เพียงพอต่อปริมาณสินค้าที่ต้องการขนส่ง พร้อม ผลักดันการสร้างสถานีบรรจุตู้สินค้ากล่อง (ไอซีดี) แห่งใหม่ในแต่ละภูมิภาค เพื่อเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางเชื่อมเข้าไปยังท่าเรือแหลมฉบังให้มากขึ้น

นอกจากนี้ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ต้องเร่งรัดการดำเนินโครงการศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ และประสานกับผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ เพื่อเตรียมความพร้อมและและวางแผนการเคลื่อนย้ายสินค้าภายในบริเวณท่าเรือร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการดำเนินงานและความแออัดภายในท่าเรือ

ขณะเดียวกันจะต้องหารือร่วมกับท่าเทียบเรือที่ได้รับสัมปทานให้ยกระดับประสิทธิภาพการขนถ่ายสินค้าในท่าเรือ เพื่อลดความแออัดและการรอคอยของรถบรรทุกบริเวณประตูทางเข้า อีกทั้งควรสนับสนุนให้มีการขนสินค้าทางเรือชายฝั่งมากขึ้น พร้อมกำหนดกระบวนการและเส้นทางเคลื่อนย้ายสินค้าจากท่า A0.5 โดย ให้รถหัวลากไปยังท่าเทียบเรือระหว่างประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดภายในบริเวณท่าเรือ

ภาพประกอบข่าว