posttoday

คาดรถฟื้นตัวจริงปี'62

04 เมษายน 2561

ฐิติกร ชี้ตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟื้นตัวได้จริงปี 2562 ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทโต 10% แตะหมื่นล้านบาท

ฐิติกร ชี้ตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ฟื้นตัวได้จริงปี 2562 ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทโต 10% แตะหมื่นล้านบาท

น.ส.ปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์จะกลับมาฟื้นตัวดีอีกครั้งในปี 2562 เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ถือครองรถยนต์คันแรก 5 ปี จะสิ้นสุดและตัดสินใจซื้อรถยนต์คันใหม่ในปีดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับการตั้งเป้าของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มองว่าในปีนี้ตลาดจะอยู่ในระดับ 9 แสนคัน และรถจักรยานยนต์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.87 ล้านคัน

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดรถยนต์ 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 12.9% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกของอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เติบโตมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ 3.9% เป็น 4.1% สถานการณ์การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มที่ดีซึ่งขยายตัวขึ้น จาก 4% เป็น 7% อีกทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว และหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงการลงทุนในโครงสร้าง พื้นฐานของรัฐบาลและการลงทุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลให้จีดีพีของประเทศเติบโตได้อีกราว 0.5% ต่อเนื่องทุกปีหลังจากนี้

ขณะที่ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ 2 เดือน มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 1% จากผลของราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำส่งผลต่อเนื่องมาถึงในปีนี้ ซึ่งแม้จะมีปัจจัยบวกจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่ยังไม่ส่งผลดีอย่างชัดเจนต่อตลาดรถจักรยานยนต์ จึงส่งผลให้มีอัตราเติบโตเพียงเล็กน้อย

"จากข้อมูลพบว่าการชำระหนี้ของลูกค้าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะลูกหนี้ในเขตกรุงเทพฯ เนื่องจากเชื่อว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมามีเทศกาลขึ้นปีใหม่ ประชาชนได้นำเงินไปใช้จ่ายในการท่องเที่ยวและซื้อสินค้าไปจนไม่มีเงินมาชำระหนี้ ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้นอยู่ระดับ 4.7% ส่งผลให้บริษัทอาจต้องเข้มงวดปล่อยสินเชื่อในกลุ่มดังกล่าว" น.ส.ปฐมา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปี 2561 บริษัท คาดว่าจะมีพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อมูลค่าอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 10% จาก ปีก่อนอยู่ที่ 9,586 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมี แผนการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็นในประเทศ 4-5 แห่ง และต่างประเทศ 5 แห่ง ได้แก่ 3 แห่งในประเทศกัมพูชา และ 2 แห่งใน สปป.ลาว รวมถึงมี แนวโน้มที่จะได้รับใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจในเมียนมาในปีนี้ และด้านระบบเทคโนโลยี (ไอที) โดยเฉพาะโมบาย แอพพลิเคชั่นและการพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้แข็งแรง ใช้เงินลงทุนมูลค่ารวม 60 ล้านบาท

สำหรับแผนระยะกลาง 3 ปี (2561-2563) ตั้งเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้ระหว่างในประเทศกับต่างประเทศอยู่ที่ 50% ต่อ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 90% ต่อ 10%  ตามลำดับ

ภาพประกอบข่าว