posttoday

ร้านสะดวกซื้อมาแรง คาด 3 ปีแชร์แซงไฮเปอร์

27 มีนาคม 2561

จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวบวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป คือ ชอบความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

โดย...จะเรียม สำรวจ

จากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวบวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป คือ ชอบความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกของไทยประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างชะลอ โดยเฉพาะไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งขณะนี้อยู่ในภาวะที่ค่อนข้างอิ่มตัว เนื่องจากผู้ประกอบการรายหลักในตลาดอย่างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ กับเทสโก้ โลตัส ยังคงเน้นแข่งกันในด้านลดราคาสินค้า

ฮาเวิร์ด ชาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตาร์ เวิร์ลดพาแนล (ไทยแลนด์) ผู้นำด้านการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคเชิงลึก ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภคที่มีอัตราการหมุนเวียนสูง หรือ FMCG (Fast Moving Consumer Goods) กล่าวว่า การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่อย่างไฮเปอร์มาร์เก็ตในปีนี้ยังคงมีการแข่งขันกันรุนแรง ซึ่งกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการเลือกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายยังคงเป็นการทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เนื่องจากทำแล้วได้ผลการตอบรับค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตาม จากยอดการซื้อที่ยังคงปรับตัวลดลงของธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต ภายหลังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ด้วยการลดขยายสาขาขนาดใหญ่และหันมาโฟกัสเพิ่มสาขาขนาดเล็ก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า เป้าหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น เห็นได้จากการขยายสาขาขนาดเล็กของ ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ที่หันมาขยายสาขาขนาดเล็กในรูปแบบมินิบิ๊กซี มากขึ้น และห้างเทสโก้ โลตัส ที่หันมาขยายสาขาขนาดเล็กในรูปแบบเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส มากขึ้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าร้านสะดวกซื้อมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีขึ้น ภายหลังผู้บริโภคปรับพฤติกรรมหันมาซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคใกล้บ้าน เพราะมีความสะดวกสบาย ส่งผลให้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ร้านสะดวกซื้อมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่ประมาณ 0.5%

แม้ว่าจะเป็นอัตราการเติบโตที่น้อย แต่ก็ถือว่าขยายตัวดีกว่าค้าปลีกใน รูปแบบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเติบโตลดลงไม่ว่าจะเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ปี 2560 ที่ผ่านมาขยายตัวลดลงจากปี 2559 ที่ประมาณ 0.7% ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่มีเชนและโลคัลขยายตัวลดลง 0.6% และร้านโชห่วยขยายตัวลดลงไปประมาณ 0.8%

ด้วยแนวโน้มของร้านสะดวกซื้อที่มียอดขายและจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กันตาร์ฯ ออกมาคาดการณ์ว่าในอีก 3 ปีนับจากนี้ ส่วนแบ่งการตลาดของร้านสะดวกซื้อจะขยับขึ้นมาแทนที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตในอีก 3 ปี ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 30% ขณะที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตคาดว่าจะยังคงมีสัดส่วนเท่าเดิม โดยปี 2560 ที่ผ่านมา ไฮเปอร์มาร์เก็ตมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 18.4%

ปัจจัยที่ทำให้กันตาร์ฯ มั่นใจว่าส่วนแบ่งการตลาดของร้านสะดวกซื้อจะขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 แทนที่ ไฮเปอร์มาร์เก็ต คือการเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆ เช่น บริการรับชำระเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคส่วนหนึ่งหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการค้าปลีกออฟไลน์เลยต้องปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลง