โค้งสุดท้าย 'บุพเพสันนิวาส' นักการตลาดแนะต้องคิดเร็ว

โดย...จะเรียม สำรวจ

เหลืออีกเพียง 2 สัปดาห์กว่าๆ เท่านั้น หรือวันที่ 11 เม.ย.นี้ ละครยอดนิยมอย่างบุพเพสันนิวาสก็จะลาจอไป ทำให้หลายสินค้า หลายบริการต่างเร่งคิดกลยุทธ์การตลาด เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าและกระตุ้นยอดขายอิงกับกระแสความดังของละครเรื่องดังกล่าว

ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสออกอากาศ หลายสินค้าก็งัดกลยุทธ์การตลาด เพื่อเกาะกระแสความดังของละครเรื่องดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ออกกำลังกายอย่างโยคะ มะม่วงน้ำปลาหวาน ร้านกุ้งเผา ร้านหมูกระทะ น้ำจิ้มสุกี้ นมข้นหวาน ร้านจำหน่ายกระทะปิ้งหมูกระทะ หรือผ้าอนามัย

นอกจากนี้ ยังมีบรรดาห้างร้านธุรกิจบริการต่างๆ ออกมาคิดคอนเทนต์การตลาด เพื่ออิงกับกระแส "ออเจ้า" ซึ่งเป็นคำเรียกของบุคคลที่ร่วมสนทนา ด้วยการนำคำว่า "ออเจ้า" เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์การตลาด เพื่อเรียกความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าของตัวเอง เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงน้ำขึ้นต้องรีบตัก

ชลิต ลิมปนะเวช อุปนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่หลายสินค้าหันมาทำการตลาด เพื่อเกาะกระแสความดังของละครเรื่องบุพเพสันนิวาส เพราะทำแล้วสามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ในแบรนด์สินค้าได้เป็นอย่างดี

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ นอกจากบทและตัวละครที่เข้าถึงบทบาทแล้ว การที่ก่อนหน้านี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิรา ลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 โปรดเกล้าฯ ให้จัดงาน "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ขึ้นเมื่อวันที่ 8 ก.พ.-11 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้คนไทยแต่งชุดไทยเข้าร่วมงาน ถือเป็นการปลุกกระแสให้คนไทยรักความเป็นไทยและชื่นชอบละครเรื่องนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี เพื่อให้สินค้าและบริการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นักการตลาดควรสร้างเรื่องราว (Story) ให้กับสินค้า ด้วยการใช้คำพูดในละครเรื่องดังกล่าวมา สร้างคอนเทนต์ หรือนำภาพที่อิงกับละครเรื่องบุพเพสันนิวาสมาสร้างเป็นคอนเทนต์ เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกอินไปกับสินค้าและบริการที่นำเสนอ

นอกจากนี้ การทำการตลาดที่อิงเกี่ยวกับละคร หรืออิงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ นักการตลาดต้องมีเทคนิคในการทำ คอนเทนต์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจดจำแบรนด์สินค้าได้ เช่น เอาคำพูดของตัวละครในเรื่องมาพัฒนาเป็นคอนเทนต์อิงกับสินค้า หรือเอาคาแรกเตอร์ของตัวละครมาดัดแปลงให้เข้ากับสินค้า เพื่อให้ ผู้บริโภคจดจำและเข้าไปมีส่วนร่วม เป็นต้น

ชลิต กล่าวต่อว่า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงน้ำขึ้นต้องรีบตัก เพราะกระแสความนิยมมาเร็วไปเร็ว ดังนั้นนักการตลาดต้องมีความเร็ว ใครที่สามารถปรับตัวได้เร็วกว่าคู่แข่งก็จะเป็นผู้ชนะ เพราะยุคนี้เป็นยุคดิจิทัล เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงเร็วตามไปด้วย

จากเทคโนโลยีและพฤติกรรมของ ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันนักการตลาดมีทางเลือกเพียง 2 ทางเท่านั้น คือ 1.ต้องเรียนรู้ลูกค้าให้ได้มากกว่าคู่แข่งในตลาด และ 2.แปลงสิ่งที่เรียนรู้ให้ได้เร็วกว่าคู่แข่ง ใครที่สามารถปรับตัวได้เร็วกว่าก็จะได้เปรียบ

ชลิต กล่าวอีกว่า หลังจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาสจะจบลงในช่วงกลางเดือน เม.ย.นี้ กระแสของละครเรื่องนี้น่าจะช่วยให้สินค้าและบริการทำการตลาด เพื่ออิงกับความนิยมของละครเรื่องดังกล่าวไปอีกประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นกระแสความนิยมก็น่าจะเริ่มจางไป ดังนั้นถ้าสินค้าและบริการไหนต้องการจะทำการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์และกระตุ้นยอดขาย จึงควรเร่งคิดคอนเทนต์ให้ทันในช่วงที่ละครยังออกอากาศ

นอกจากจะช่วยสร้างแบรนด์และกระตุ้นยอดขายสินค้าให้ได้ชื่นใจแล้ว กระแสความนิยมของละครบุพเพสันนิวาส ยังช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทยให้มีความคึกคักมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆ โดยเฉพาะวัดไชยวัฒนารามจากเดิมมีนักท่องเที่ยววันละหลักพันตอนนี้ทะลุไปวันละหลักหมื่นแล้ว