posttoday

คาลเท็กซ์ปรับกลยุทธ์ รับ'ไทยแลนด์4.0'

21 มีนาคม 2561

คาลเท็กซ์รับ4.0 พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเติบโตยั่งยืน

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

นับเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่เติบโตอย่างยั่งยืน

ซาลมาน ซาดัต ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน "คาลเท็กซ์" กล่าวว่า บริษัทได้ประกาศแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง 4 ปี (2561-2564) ด้วยวิสัยทัศน์ "สมาร์ท แวลู ฟอร์ ออล" (Smart Value for All) ภายหลังการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและทำการวิจัยตลาดเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและนำมาพัฒนาในการปรับกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของบริษัท

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงภายใต้นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่ยุคของดิจิทัล โดยตลอดแผนดังกล่าวคาดว่าจะใช้งบประมาณมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6,400 ล้านบาท) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการ รวมถึงการปรับปรุงและขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์

สำหรับกลยุทธ์หลัก 5 ด้านของบริษัทเพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ได้แก่ 1.สมาร์ท สเตชั่น ที่จะขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. สมาร์ท เซอร์วิส การอบรมพัฒนา ผู้ประกอบการและบุคลากรเพื่อสร้างความพึงพอใจ 3.สมาร์ท แพลตฟอร์ม การเปิดบริการระบบชำระเงินออนไลน์และนวัตกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคสมัยใหม่ 4.สมาร์ท พาร์ตเนอร์ชิป การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกในสถานีบริการน้ำมัน (นันออยล์) เพิ่มขึ้น และ 5.สมาร์ท โปรดักต์ การมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีคุณภาพระดับโลกสู่ผู้บริโภค

ปัจจุบันบริษัทมีสถานีบริการน้ำมันจำนวน 370 แห่ง โดยมีแผนขยายเพิ่มขึ้น 50 แห่ง/ปี ตลอดแผนดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีสถานีบริการน้ำมันจำนวน 575 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2564 และในช่วงไตรมาส 4 จะเปิดให้บริการสถานีบริการน้ำมันต้นแบบรูปแบบใหม่ (แฟล็กชิป) ซึ่งมีแผนปรับปรุงสถานีบริการที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงรวม (น้ำมันขายปลีก น้ำมันอุตสาหกรรม น้ำมันอากาศยาน) อยู่ที่ 9% ของตลาด ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น บริษัทคาดว่าธุรกิจ นันออยล์ จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30-50% ของรายได้รวม จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% ภายในปี 2564 โดยร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ ร้านกาแฟ ศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ครบวงจร ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร เป็นต้น

ซาดัต กล่าวว่า สถานีบริการรูปแบบใหม่มีการวางแผนผังพื้นที่รองรับสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไว้แล้วซึ่งหากในอนาคตมีปริมาณความต้องการในส่วนดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ในการเปิดให้บริการ โดยจะต้องพิจารณาปริมาณความต้องการของตลาดอีกครั้ง

"จากแผนดังกล่าวคาดว่าจะ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2 หลักต่อปี อีกทั้งยังสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่และนโยบายของประเทศ โดยมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพและโอกาสการเติบโตบริษัทจึงใช้เงินลงทุนตามแผนดังกล่าวระยะกลาง" ซาดัต กล่าว