posttoday

เถ้าแก่น้อยรุกอเมริกา

28 กุมภาพันธ์ 2561

เถ้าแก่น้อยเร่งเครื่องลุยตลาดสาหร่ายอเมริกา วางเป้า 18 เดือน โกยรายได้กว่า 300 ล้าน

เถ้าแก่น้อยเร่งเครื่องลุยตลาดสาหร่ายอเมริกา วางเป้า 18 เดือน โกยรายได้กว่า 300 ล้าน

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เข้าซื้อกิจการ จิม แฟคทอรี่ อิ้งค์ (GIM Factory Inc.) ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสาหร่ายในสหรัฐอเมริกา คิดเป็นมูลค่า 2.015 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 68.65 ล้านบาท เพื่อทำการผลิตสาหร่ายนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนลงทุนเครื่องจักร ทีมงาน และระบบขนส่งก่อนที่จะเริ่มทำการผลิตสินค้าเพื่อเน้นทำตลาดภายในประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในอีก 3 เดือน น่าจะเริ่มวางจำหน่ายในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาได้ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น จากเดิมการทำตลาดจะเน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคชาวเอเชียเป็นหลัก จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวบริษัทคาดว่าในอีก 18 เดือนนับจากนี้น่าจะมียอดขายสาหร่ายอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์/ปี หรือกว่า 300 ล้านบาท

"ตลาดสแน็กในอเมริกาค่อนข้างมี ความน่าสนใจ เนื่องจากมีขนาดใหญ่มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยในส่วนของตลาดสาหร่ายมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่มีอัตราการเติบโตมากถึง 30-40% มีผู้เล่นรายหลักอยู่ที่ 2 แบรนด์ ที่เหลือเป็นเฮาส์แบรนด์ที่ใช้ต่างประเทศผลิต" นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

นอกจากนี้ หากมองภาพรวมของ ตลาดขนมขบเคี้ยว (สแน็ก) ในสหรัฐ อเมริกา ถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ เพราะหากนำมูลค่าตลาดมาเปรียบเทียบ กับจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก ตลาดสแน็กในสหรัฐอเมริกามีมูลค่ามากกว่าจีนถึง 3 เท่า จึงนับเป็นโอกาสดีที่บริษัทจะเข้าไปขยายธุรกิจในประเทศดังกล่าว หลังจากบริษัททำตลาดในสหรัฐอเมริกาครบ 18 เดือน คาดว่าจะมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ประมาณ 10% จากรายได้การส่งออกในปัจจุบันที่มีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการทำตลาดในประเทศจีนนั้น บริษัทยังเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากจีนมีตลาดสาหร่ายที่ใหญ่ เห็นได้จากยอดขายของบริษัทที่ได้รับจากประเทศจีนมีมูลค่าสูงถึงปัจจุบัน 2,000 ล้านบาท/ปี จากการจำหน่ายใน 4 เมือง คือ กว่างเจา เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเสิ่นเจิ้น ส่วนตลาดที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ก็จะเดินหน้าขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเป็นตลาดที่ขายดี

นายอิทธิพัทธ์ กล่าวอีกว่า แนวทาง การดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือเป็นการ เดินหน้าสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์ที่จะต้องทำตลาดไป 100 ประเทศทั่วโลก จากปัจจุบันบริษัทสามารถส่งออกสินค้าไป ทำตลาดได้แล้ว 50 ประเทศ ทำให้ปัจจุบันเถ้าแก่น้อยกลายเป็นแบรนด์ระดับเอเชีย ไปเรียบร้อยแล้ว และเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมาย ยอดขายที่ 1 หมื่นล้านบาท ในปี 2567 บริษัทจะเดินหน้าขยายตลาดส่งออกอย่าง ต่อเนื่อง

ด้านภาพรวมผลประกอบการในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทปิดรายได้ไปประมาณ 5,200 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออก 60% และภายในประเทศ 40% โดยในส่วนของธุรกิจต่างประเทศมีอัตราการเติบโตที่ 15% ขณะที่ธุรกิจในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8% ส่งผลให้ภาพรวมมีอัตราการเติบโตที่ 12% ในส่วนของแผนการทำตลาดในประเทศปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาดต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า พร้อมกับดึง นาย นิชคุณ มาเป็นพรีเซนเตอร์