posttoday

"ธนินท์"สั่งซีพีเพิ่มลงทุนรับเศรษฐกิจขาขึ้นมั่นใจปีนี้โต4%

06 มกราคม 2561

"เจ้าสัวธนินท์" ประกาศทั้งเครือเพิ่มลงทุน มั่นใจเศรษฐกิจ ขาขึ้น จีดีพีปีนี้โต 4% มองโอกาสสินค้าเกษตรไทยรุ่งในอนาคต

"เจ้าสัวธนินท์" ประกาศทั้งเครือเพิ่มลงทุน มั่นใจเศรษฐกิจ ขาขึ้น จีดีพีปีนี้โต 4% มองโอกาสสินค้าเกษตรไทยรุ่งในอนาคต

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี กรุ๊ป) เปิดเผยว่า ในปีนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์จะลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพราะมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ จีดีพีจะเติบโต 4% ได้ตามเป้าหมาย ปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันมาจากเศรษฐกิจโลกขยายตัว โดยเศรษฐกิจอเมริกามีสัญญาณว่ากำลังจะเติบโต ประกอบกับเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนที่มีประชากรร่วม 600 ล้านคน มีศักยภาพเติบโตอีกมาก

ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถแก้ปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำได้ถูกทาง ยิ่งผลักดันให้จีดีพีสามารถโตได้มากกว่า 4% อย่างไรก็ดี มองว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะสินค้าเกษตรเปรียบเหมือนน้ำมันบนแผ่นดิน ในอนาคตจะสำคัญกว่าน้ำมัน เพราะสินค้าเกษตรเป็นปัจจัยสี่ของมนุษย์ ประเทศที่เคยร่ำรวยจากน้ำมัน เศรษฐกิจจะเริ่มถดถอย แต่ก็มีแนวโน้มว่ายางพาราจะกลับมาราคาดีขึ้น จากการที่กลุ่มประเทศค้าน้ำมันจับมือกันเพื่อผลักดันราคาน้ำมันขึ้น 50% จากขณะนี้ 40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

"ส่วนภาวะค่าเงินบาท แม้ว่าจะ แข็งค่าขึ้นมาเกือบ 10% หรือ 32.40 บาท/ดอลลาร์ แต่มีแนวโน้มว่าเงินบาทจะ อ่อนค่าลง หลังจากภาวะเศรษฐกิจอเมริกาฟื้นตัว จะยิ่งผลักดันให้ภาคส่งออกของไทยขยายตัว และหากรัฐบาลปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับยุค 4.0 ผลักดันให้นักลงทุนสามารถเช่าที่ดินเพื่อการพัฒนา 99 ปี ในโครงการการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) คาดจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตมาก 7-8% เพราะช่วยสร้างงานและสร้างโอกาสให้กับประเทศ" นายธนินท์ กล่าว

สำหรับการแก้ปัญหาความยากจน ซีพีกำลังอยู่ระหว่างศึกษาสร้างเมือง 3 จังหวัด อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา จำนวนคน 3 แสนราย เพื่อทำอย่างไรให้ผู้ที่มีธุรกิจร้านอาหาร ร้านตัดผม สามารถมีอาชีพเลี้ยงตัวเอง เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบอาชีพดังกล่าว ส่วนใหญ่จะอยู่ได้ในเมืองขนาดใหญ่ รวมทั้งส่งเสริมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยให้มี รายได้อย่างยั่งยืนโดยเฉพาะเกษตรกรไทย ซึ่งส่วนใหญ่ขาด 3 เรื่อง ได้แก่ ความรู้ เงินลงทุน และช่องทางตลาด

ขณะที่ปัญหาแรงงานไทย ต้องปรับตัวให้มีองค์ความรู้แทนการเป็นแรงงานแบบเดิมๆ ต่อไปแรงงานหรือพนักงานและเกษตรกรจะเหลือแค่ 1% จากการที่เด็กรุ่นใหม่ต้องการเป็นสตาร์ทอัพหรือเป็นเจ้าของกิจการ นอกจากนี้มองว่ารัฐบาลควรสนับสนุนนโยบายด้านการศึกษาที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ไทยควรผลิตบุคลากรกลุ่มใดที่โลกหรือเหมาะสมกับสังคมต้องการ จากเดิมผลิตนักศึกษาเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีการจ้างงาน