posttoday

เร่งครม.แก้ปากท้อง ภาคเอกชนหวังรัฐสร้างความต่อเนื่องเศรษฐกิจ

26 พฤศจิกายน 2560

ภาคธุรกิจชี้ ครม.ใหม่ไม่ขี้เหร่ แต่มีเวลาจำกัด จึงอยากให้โฟกัสแก้ปัญหา 3 เรื่อง เชื่อสร้างความต่อเนื่องให้เศรษฐกิจได้

ภาคธุรกิจชี้ ครม.ใหม่ไม่ขี้เหร่ แต่มีเวลาจำกัด จึงอยากให้โฟกัสแก้ปัญหา 3 เรื่อง เชื่อสร้างความต่อเนื่องให้เศรษฐกิจได้

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งที่ 5 ออกมา ดูหน้าตาแล้วไม่ได้ขี้เหร่อะไร แต่มีข้อจำกัดด้านเวลาในการทำงานเพียง 1 ปี ทำให้รัฐมนตรีชุดใหม่ที่เข้ามาแต่ละคนจะต้องโฟกัสให้ชัดเจนไปเลยว่าจะเข้าทำอะไรบ้าง เพราะไม่มีเวลามากนัก

ทั้งนี้ ปัญหาที่ ครม.ชุดใหม่ต้องโฟกัสใน 3 เรื่องที่มีผลกระทบวงกว้าง ได้แก่ 1.การแก้ปัญหาปากท้องประชาชน 2.การแก้กฎหมายที่ติดขัด และ 3.การสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีแผนจะทำ เช่น โครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และถนนหนทางต่างๆ ที่ต้องออกพระราชบัญญัติอีกมากให้เรียบร้อย รวมถึงการลงทุนโครงสร้างอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน และการท่องเที่ยว

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ครม.ชุดใหม่มีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากหลายคนเป็นมืออาชีพในสายกระทรวง มีความรู้ ความเข้าใจ ในงานที่จะต้องดำเนินการ และเชื่อมั่นว่าจะขับเคลื่อนงานในช่วงเวลาที่เหลือ 1 ปีของรัฐบาลให้เกิดผลในเชิงรูปธรรมและเกิดผลดีในด้านเศรษฐกิจและสังคมได้ ขณะเดียวกันคาดหวังว่าจะสามารถดำเนินงานที่ทำมาก่อนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องได้

“มีหลายเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อเนื่อง เช่น ความเหลื่อมล้ำหรือพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งอันนี้เข้าใจว่าต้องใช้เวลา แต่ภาพรวมของ ครม.ชุดใหม่ เชื่อว่าจะสร้างผลงานเพื่อนำไปสู่เป้าหมายได้”นายเจน กล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า การแต่งตั้งนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็น รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งอดีตเคยทำหน้าที่ รมว.ท่องเที่ยวฯ และมีความรู้ความสามารถ รู้ปัญหาด้านท่องเที่ยวในเชิงลึกจึงน่าจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนพัฒนาและการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและรวดเร็วซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า ในแง่ตลาดทุนที่ให้ความสำคัญกับด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง ดูหลักใหญ่กระทรวงเหล่านี้ไม่ได้เปลี่ยน จึงน่าจะส่งผลดีด้านความต่อเนื่องของเศรษฐกิจ

นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ แกนนำเกษตรกรชาวสวนยาง กล่าวว่า รับได้กับครม.ที่มาดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทั้ง 3 คน โดยคาดว่านายกฤษฎา บุญราชอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดและอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย คงมาดูแลเฉพาะนโยบาย เหมือนการทำงานสไตล์ผู้ว่าฯ ขณะที่รัฐมนตรีช่วยทั้งสองคนจะมาเป็นมือขวาและมือซ้ายในการทำงาน