posttoday

'ทีซีซีฯ' ปรับใหญ่รับมือ 10 ปีค้าปลีกกรุงเทพฯ อิ่มตัว

10 พฤศจิกายน 2560

บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ ในกลุ่มเจริญ สิริวัฒนภักดี ล่าสุดออกมาประกาศแผน 2 ปี (2561-2562) ด้วยการใช้เม็ดเงินลงทุน 8,200 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจศูนย์การค้าในเครือทั้ง 4 แบรนด์

โดย...จะเรียม สำรวจ

ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง สำหรับ บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ ในกลุ่มเจริญ สิริวัฒนภักดี ล่าสุดออกมาประกาศแผน 2 ปี (2561-2562) ด้วยการใช้เม็ดเงินลงทุน 8,200 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจศูนย์การค้าในเครือทั้ง 4 แบรนด์ให้เข้าใกล้ผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด

สำหรับแบรนด์ค้าปลีกที่บริษัท ทีซีซีฯ จะดำเนินการขยายธุรกิจเพิ่มเติมนับตั้งแต่ปี 2561-2562 ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แนวใหม่ในซอยลาซาล ด้วยงบลงทุน 500 ล้านบาท การพัฒนาศูนย์การค้าเกตเวย์ บางซื่อ งบลงทุน 4,000 ล้านบาท การพัฒนาตลาดนัดตะวันนา บางพลี งบลงทุน 1,000 ล้านบาท และการพัฒนาตลาดนัด ตะวันนา พระราม 2 งบลงทุน 2,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะปรับโฉมศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ด้วยงบ 50 ล้านบาท การปรับโฉมศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ บางกะปิ ด้วยงบ 50 ล้านบาท และการปรับโฉม บ็อกซ์ สเปซ รัชโยธิน ให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แนวใหม่ ด้วยงบ 100 ล้านบาท

ณภัทร เจริญกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ กล่าวว่า การทำธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบบ็อกซ์ สเปซ ตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยน ในด้านของตัวโครงสร้างที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นร้านค้าก็ค่อนข้างมีปัญหาในด้านของการเก็บเสียง บริษัทจึงต้องปรับรูปแบบของการทำธุรกิจค้าปลีกในส่วนของบ็อกซ์ สเปซใหม่ ด้วยการเปลี่ยนเป็นห้างค้าปลีกในรูปแบบของคอมมูนิตี้มอลล์ โดยขณะนี้ได้เริ่มมีการปรับ บ็อกซ์ สเปซ สาขารัชโยธิน แล้ว คาดว่าภายในปี 2561 จะแล้วเสร็จ

อีกหนึ่งแบรนด์ที่บริษัท ทีซีซีฯ จะทำการปรับรูปแบบการให้บริการเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่ทันสมัย เหมาะกับลูกค้าในยุคปัจจุบัน คือ โอพี การ์เด้น ซึ่งตั้งอยู่ปากซอยเจริญกรุง 36 ส่วนศูนย์การค้าน้องใหม่ในซอยลาซาลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ บริษัท ทีซีซีฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการคิดแบรนด์ห้างค้าปลีกใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับธุรกิจคอมมูนี้มอลล์แนวใหม่

นอกจากจะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท ทีซีซีฯ ยังจะให้ความสำคัญกับธุรกิจตลาดนัด จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป จะมีการขยายธุรกิจตลาดนัด ตะวันนาไปอีก 2 สาขา คือ บางพลี และพระราม 2 เนื่องจากมองว่าธุรกิจตลาดนัดยังสามารถไปได้ แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันจะมีความรุนแรง แต่หากปรับตัวให้มีความแตกต่างด้วยการเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้าไปก็จะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ ซึ่งจะเห็นได้จากการปรับปรุงตลาดนัดตะวันนา สาขาบางกะปิ ให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์แนวใหม่ โดยการเพิ่มบริการใหม่ๆ เช่น โรงหนังและร้านอาหารเข้าไป เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน

ณภัทร กล่าวต่อไปว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะเน้นการพัฒนาห้างค้าปลีกที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก เนื่องจากในอีก 5-10 ปีนับจากนี้ธุรกิจค้าปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ จะถึงจุดอิ่มตัว หากไม่มีการปรับตัวอาจทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจได้ เพราะปัจจุบัน คู่แข่งห้างค้าปลีกในกรุงเทพฯ มีการเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้รัศมีการเจาะกลุ่มลูกค้าจาก 5-7 กิโลเมตร ปรับลดเหลือเพียงรองรับลูกค้ารัศมีโดยรอบแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ยังมีคู่แข่งจาก ช่องทางออนไลน์เข้ามาชิงส่วนแบ่ง ทำให้ บริษัท ทีซีซีฯ ต้องปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจใหม่ให้โดนใจลูกค้ามากขึ้น ซึ่งนอกจากจะปรับโฉมธุรกิจค้าปลีกในเครือควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจค้าปลีกแบรนด์ในเครือแล้ว บริษัท ทีซีซีฯ ยังจะให้ความสำคัญกับการซินเนอร์ยี่ธุรกิจในเครือ ด้วยการทำการตลาดร่วมกันทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์ โดยในปี 2561 มีแผนที่จะเปิดตัวกลยุทธ์ตลาดในด้านของออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัล

จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ณภัทร คาดการณ์ว่า ในอีก 10 ปีนับจากนี้ บริษัท ทีซีซีฯ จะต้องมีธุรกิจศูนย์การค้าในเครือไม่ต่ำกว่า 20 โครงการ และมีพื้นที่ค้าปลีกรวมกันกว่า 1 ล้านตารางเมตร จากปัจจุบันมีโครงการค้าปลีกที่บริหารอยู่ 10 โครงการ มีพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมดประมาณ 3 แสนตารางเมตร