posttoday

ค่ายสมาร์ทโฟนจีนบุกยุโรป

09 พฤศจิกายน 2560

4 บริษัทสมาร์ทโฟนจีนเตรียมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ยุโรป ลุยแข่งแอปเปิ้ล-ซัมซุง หวังใช้ราคาย่อมเยาเป็นจุดขาย

4 บริษัทสมาร์ทโฟนจีนเตรียมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ยุโรป ลุยแข่งแอปเปิ้ล-ซัมซุง  หวังใช้ราคาย่อมเยาเป็นจุดขาย

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใหญ่ 4 รายของจีน ประกอบด้วย เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ออปโป้ และวีโว่ กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจในตลาดยุโรป หลังประสบความสำเร็จในจีนและกลุ่มตลาดเกิดใหม่

รายงานระบุว่า ค่ายสมาร์ทโฟนจีนหวังใช้สมาร์ทโฟนสเปกสูงแต่ราคาย่อมเยามาเป็นจุดขายในการแข่งขันกับแอปเปิ้ลและซัมซุง

ไฟแนนเชียลไทมส์ระบุว่า เสี่ยวหมี่จะใช้สเปนเป็นตลาดแรกในการขยายธุรกิจสู่ยุโรป โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เสี่ยวหมี่เปิดตัวสมาร์ทโฟน รุ่นใหม่ในสเปน ราคา 578 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 หมื่นบาท) พร้อมเปิดร้านเสี่ยวหมี่ สโตร์ 2 แห่งในกรุงมาดริด และจะเริ่มการจำหน่ายสมาร์ทโฟนผ่านห้างค้าปลีก เช่น คาร์ฟูร์และมีเดีย มาร์กซ์ นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. เช่นเดียวกับวีโว่ที่เตรียมทำธุรกิจในยุโรปแห่งแรกที่รัสเซีย

ด้านหัวเว่ยประกาศเมื่อเดือน ต.ค.ว่า บริษัทจะเปิดร้านจำหน่ายแอพพลิเคชั่นในยุโรปช่วงไตรมาสแรก ปี 2018 ซึ่งเป็นการเปิดบริการดังกล่าวครั้งแรกนอกตลาดจีน ขณะที่ ดิจิเดย์ เว็บข่าวเทคโนโลยีรายงานว่า หัวเว่ยตั้งทีมการตลาดขยายธุรกิจสู่ 10 ประเทศยุโรป ที่รวมถึงอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี

อย่างไรก็ดี ปีเตอร์ ริชาร์ดสัน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของบริษัท เคาน์เตอร์พอยต์ เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องสิทธิบัตรคาดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่จะสกัดการขยายธุรกิจสู่ยุโรป จากการที่ค่ายสมาร์ทโฟนจีนหลีกเลี่ยงเปิดเผยตัวเลขการจดสิทธิบัตร ซึ่งอาจก่อปัญหาทางกฎหมายได้ในอนาคต ท่ามกลางกฎหมายสิทธิบัตรที่เข้มงวดของยุโรป

ทั้งนี้ การเดินหน้าบุกตลาดยุโรปเกิดขึ้นหลังบริษัทสมาร์ทโฟนจีนมียอดขายแข็งแกร่ง โดยบริษัทวิจัย ไอเอชเอส มาร์กิต รีเสิร์ช ระบุว่า ยอดขายของ 4 บริษัทสมาร์ทโฟนจีนปรับตัวขึ้นในไตรมาส 3 ของปี 2017 โดย หัวเว่ยมียอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 16.4% อยู่ที่ 39.1 ล้านเครื่อง และครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนอันดับ 3 รองจากแอปเปิ้ลและซัมซุง

ขณะที่ยอดขายของออปโป้เพิ่มขึ้น 17.9% อยู่ที่ 31.6 ล้านเครื่อง ด้านเสี่ยวหมี่มียอดขายเพิ่มขึ้นมากที่สุด ปรับขึ้นถึง 111.2% อยู่ที่ 27.6 ล้านเครื่อง ส่วนวีโว่ที่ทำยอดขายมากขึ้นเช่นกันที่ 20.4% อยู่ที่ 25.4 ล้านเครื่อง