ถอดรหัส "ฮอนด้า" เปลี่ยนผ่านสู่ยนตรกรรมไฟฟ้า
วิสัยทัศน์ 2030 คือเป้าหมายของค่ายฮอนด้าที่จะต้องเปลี่ยนผ่านจากผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปสู่รถยนต์พลังงานทางเลือกโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า
โดย...วราพงษ์ ป่านแก้ว
ความท้าทายในอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการขับเคลื่อนจากน้ำมันสู่ระบบไฟฟ้า เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการขับขี่ ซึ่งการจะสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคในยุคเปลี่ยนผ่านจะต้องวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป ถือเป็นความท้าทายของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในการกำหนดยุทธวิธีที่ใช้ในการรุกตลาดแห่งอนาคต
วิสัยทัศน์ 2030 คือเป้าหมายและความท้าทายของค่ายรถยนต์ฮอนด้าที่จะต้องเปลี่ยนผ่านจากผู้ผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปสู่รถยนต์พลังงานทางเลือกในรูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ของรถยนต์แห่งอนาคต รวมถึงการนำเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในแง่ของความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม
ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหาร และผู้แทนกรรมการบริหาร ซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และชินจิ อาโอยามะ ประธานเจ้าหน้าที่ส่วนปฏิบัติการภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชียถึงก้าวย่างของฮอนด้าตามวิสัยทัศน์ 2030
ฮาจิโกะ กล่าวว่า เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ฮอนด้าได้ประกาศวิสัยทัศน์ 2030 เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการสนับสนุนการลดมลภาวะและลดอุบัติเหตุในการขับขี่ ซึ่งฮอนด้าได้วางนโยบายในระดับโลกในการเพิ่มยอดขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าให้เป็น 2 ใน 3 ของยอดขายของฮอนด้าทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน
“การจะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะต้องพัฒนาทั้งเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และต้นทุนที่จะต้องเกิดความคุ้มทุนทางธุรกิจที่ผู้บริโภคจะเข้าถึงได้”ฮาจิโกะ กล่าว
ในตลาดเอเชียซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของฮอนด้า แต่จำเป็นต้องรอให้เกิดความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อน ซึ่ง อาโอยามะ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในเอเชีย รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าคงจะต้องเริ่มด้วยรถยนต์ไฮบริดก่อน เนื่องจากตลาดในภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและขยายตัว จึงต้องนำเสนอรถยนต์ที่เหมาะสมกับภูมิภาค ส่วนรถยนต์ ปลั๊กอิน ไฮบริด คงจะค่อยๆ เริ่มต่อไปในภายหลัง ในเบื้องต้นต้องเริ่มจากรถยนต์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยยกระดับเป็นรถยนต์ประเภทอื่นๆ ต่อไป
นอกจากนี้ นโยบายของภาครัฐบาลในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในแง่ของนโยบายและระบบภาษี การที่จะทำให้เป็นเหมือนกันไม่ใช่เป้าหมายของฮอนด้า แต่คงเป็นการนำเสนอแนวคิดของบริษัทเพื่อให้รัฐบาลแต่ละประเทศนำไปพิจารณา โดยที่เราจะเตรียมตัวในส่วนของเราให้เหมาะสมในระดับที่ลูกค้าเข้าถึงได้
สำหรับฮอนด้าในประเทศไทย ซึ่งต้องเดินตามวิชั่น 2030 ของฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่น พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) มองว่า เรื่องของรถยนต์ไฟฟ้ามีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกันอยู่ 3 ปัจจัย ได้แก่ 1.เทคโนโลยี 2.ต้นทุน และ 3.โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทั้ง 3 ปัจจัยนี้จะต้องมาพร้อมๆ กัน เพราะถ้ามีเทคโนโลยีดี มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม แต่ถ้ามีต้นทุนที่แพงก็คงไม่เกิด โดยขณะนี้รถยนต์ที่ใกล้ที่สุดคือไฮบริดที่เราทำตลาดมากว่า 10 ปีแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าพร้อมหรือยัง เพราะรถยนต์ไฮบริดก็จะมีราคาที่แพง ซึ่งเราในฐานะผู้ผลิตคงไม่ทำอะไรที่ลูกค้ารู้สึกไม่ดี และไม่ยอมรับ
ขณะที่รถยนต์ไฮบริด ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ก็เป็นธรรมดาที่ต้นทุนจะสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ซึ่งเป็นอุปสรรคข้อหนึ่งในเรื่องของราคา การสนับสนุนของภาครัฐเองจะมีส่วนช่วยให้ราคาลงมาได้ ภายในปลายปีนี้ฮอนด้าก็จะยื่นขอส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาล
การที่จะให้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดได้ ส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของภาครัฐ เพราะการที่จะให้เทคโนโลยีมันถูกลงโดยกลไกปกติอาจจะต้องใช้เวลานาน ซึ่งนอกจากเรื่องของภาษีแล้วในหลายๆ ประเทศ ให้เงินอุดหนุนกับผู้บริโภคที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า
ในงานโตเกียว มอเตอร์ โชว์ 2017 ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งที่ 45 บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ตอกย้ำวิสัยทัศน์ 2030 ที่จะก้าวสู่การผลิตรถยนต์ปราศจากมลพิษและอุบัติเหตุ ซึ่งนอกจากการพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนแล้ว ยังมุ่งเน้นการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีหุ่นยนต์ ที่จะนำมาใช้ในยานยนต์แห่งอนาคต
ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานกรรมการบริหาร และผู้แทนกรรมการบริหาร ซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ กล่าวในงานเปิดบูธฮอนด้าในงานโตเกียว มอเตอร์ โชว์ 2017 ว่า ฮอนด้ายังคงสานต่อในการสร้างความแข็งแกร่งของแนวคิด Mono-zukuri ซึ่งเป็นศิลปะการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ด้วยการใช้เทคโนโลยีต่างๆ อาทิ เทคโนโลยีที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
สำหรับในปีนี้ฮอนด้าได้เปิดตัวซีวิคใหม่ในประเทศญี่ปุ่น และเตรียมเปิดตัว ซีอาร์-วี ใหม่ ในประเทศญี่ปุ่นในช่วงปีหน้า ด้วยการเพิ่มรุ่นที่มีระบบขับเคลื่อนไฮบริด และดีไซน์ที่นั่ง 3 แถว นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะปรับโฉมและเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ของฮอนด้า ลีเจนด์ (Legend) และจะเปิดตัวสู่ตลาดในปีหน้า รวมทั้งจะเริ่มจำหน่ายฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ที่ได้เปิดตัวในภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยมีการปรับดีไซน์ ฟีเจอร์ และสมรรถนะการขับขี่ใหม่ทั้งหมด
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า นอกจาก ซีอาร์-วี ใหม่ ที่จะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริดแล้ว ยังมีสเต็ปแวกอน และยังเตรียมเปิดตัวรถคลาริตี้ ซีรี่ส์ ซึ่งเป็นยนตรกรรมรุ่นแรกที่นำเสนอระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในหลายรูปแบบ ทั้งพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) พลังงานไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric) และพลังงานไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid) ติดตั้งในรถซีดาน 5 ที่นั่ง ระดับพรีเมียมที่หรูหรา และห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย
ทั้งนี้ ฮอนด้า คลาริตี้ ซีรี่ส์ ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ คลาริตี้ ฟิวเซลล์ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง ได้เปิดตัวไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2559 และอีก 2 รุ่น เปิดตัวไปเมื่อเดือน เม.ย. 2560 ได้แก่ คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และคลาริตี้ อิเล็กทริก สำหรับในญี่ปุ่นจะเปิดตัว คลาริตี้ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ในช่วงฤดูร้อนของปี 2561
ฮอนด้า สปอร์ต อีวี คอนเซ็ปต์ เป็นยนตรกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียวกับรถ ผสมผสานระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
ฮอนด้า นิววี เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และเป็นการผสานฟังก์ชั่นการขับเคลื่อนอัตโนมัติ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถตรวจจับสภาวะทางอารมณ์ของผู้ขับได้ โดยประมวลผลจากการแสดงออกทางสีหน้า และน้ำเสียง แล้วจึงเลือกฟังก์ชั่นที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย
