posttoday

นกแอร์กดต้นทุนสู้ศึก

31 สิงหาคม 2560

นกแอร์สู้ศึกโลว์คอสต์แอร์ไลน์ เดินหน้าลดจำนวนเครื่อง หันเพิ่มศักยภาพการบิน หวังกดต้นทุน พร้อมรุกตลาดจีนเมืองรองเพิ่ม

นกแอร์สู้ศึกโลว์คอสต์แอร์ไลน์ เดินหน้าลดจำนวนเครื่อง หันเพิ่มศักยภาพการบิน หวังกดต้นทุน พร้อมรุกตลาดจีนเมืองรองเพิ่ม

นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า ไตรมาส 4 ของปี 2560 บริษัทเตรียมเปิดเส้นทางการบินใหม่ไปยังเมืองรองของประเทศจีนเพิ่มขึ้นราว 3-4 เมือง จากปัจจุบันมีให้บริการแล้วกว่า 20 เส้นทาง พร้อมกันนี้มีแผนลดต้นทุนของบริษัท อาทิ ลดจำนวนเครื่องบินลง 3-4 ลำ เพื่อลดต้นทุนค่าเช่าเครื่องบินให้เหมาะสมกับปริมาณความต้องการการเดินทาง พร้อมกับเพิ่มศักยภาพเครื่องบินให้สามารถ เดินทางได้ยาวขึ้นป็น 11-12 ชั่วโมง (ชม.)/ครั้ง จากเดิมอยู่ที่ 8-9 ชม.

ทั้งนี้ บริษัทได้ประเมินราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งคาดว่าจากแผนการลดต้นทุนดังกล่าวจะส่งผลให้ต้นทุนการบินของบริษัทลดลงเหลือประมาณ 1 บาทกว่า จากเดิม 2 บาทกว่า ซึ่งจะสามารถช่วยให้ลดการขาดทุนของบริษัทลงได้ โดยจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป นอกจากนี้ อัตราแลกเปลี่ยนยังเป็นอีกปัจจัยที่จะ ต้องจับตาเนื่องจากรายจ่ายของบริษัทเป็นดอลลาร์ แต่รายรับของบริษัทเป็นบาทไทย

อย่างไรก็ตาม แผนการเพิ่มเส้นทาง การบินไปยังประเทศจีนจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้ระหว่างเส้นทางบินในประเทศ กับเส้นทางบินต่างประเทศ ให้อยู่ที่ 50% ต่อ 50% ในปีหน้า จากเดิมอยู่ที่ 70% ต่อ 30% ตามลำดับ โดยจะมีการเพิ่มเส้นทางการบินไปยังประเทศ อื่นๆ รวมถึงในประเทศเพิ่มเติมด้วย ซึ่งมองว่าประเทศจีนมีศักยภาพและความต้องการโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในเมืองรองที่เดินทางมายังประเทศไทย ที่มีปริมาณผู้โดยสารเต็มตลอดทุกเที่ยวบิน ซึ่งยังคงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าถึงผู้โดยสารกลุ่มดังกล่าวจึงได้เพิ่มเส้นทาง การบินมารองรับ

"การแข่งขันของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ปัจจุบันแข่งขันด้านราคาลดลง แต่หันไปลดต้นทุนของแต่ละบริษัทเพื่อให้แข่งขันได้ดียิ่งขึ้นแทน ซึ่งในต้นปีหน้าจะเห็นความชัดเจนจากความพยายามลดต้นทุนของนกแอร์ที่ดำเนินการมาตลอดระยะเวลาหลายปี" นายพาที กล่าว

นอกจากนั้น การเพิ่มความถี่ในเส้นทางการบินที่ต้องการยังเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะช่วยให้บริษัทสามารถรองรับปริมาณความต้องการและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดโลว์คอสต์แอร์ไลน์อยู่ที่ 25% ซึ่งการปรับแผนดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ต้องพึ่งพาฤดูท่องเที่ยวแต่สามารถบริหารต้นทุนได้ในทุกฤดูกาล

นายพาที กล่าวอีกว่า สำหรับความ คืบหน้าในการซื้อขายสายการบินนกแอร์นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียด โดยคาดว่าในการประชุมผู้ถือหุ้นของสายการบินวันที่ 20 ก.ย. 2560 ที่จะถึงนี้ จะมีความชัดเจนในเรื่องนี้