พอช.ร่วมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจอีสานใต้
พอช.จับมือภาคีและชุมชนร่วมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากชุมชนอีสานใต้นำร่อง3จังหวัดร้อยเอ็ด สุรินทร์ และบุรีรัมย์
พอช.จับมือภาคีและชุมชนร่วมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากชุมชนอีสานใต้นำร่อง3จังหวัดร้อยเอ็ด สุรินทร์ และบุรีรัมย์
ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ ผู้จัดการสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสัมมาชีพชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)เปิดเผยว่าได้เดินทางไปเยี่ยมชมการท่องเที่ยวชุมชนที่ ต.กู่กาสิงห์ จ.ร้อยเอ็ด เส้นทางสายไหมสุรินทร์ และสวายโมเดล ที่ ต.สวาย จ.สุรินทร์ และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ต.สนวนนอก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งชุมชนทั้ง 3 แห่งถือว่ามีความเข้มแข็งมาก คนในชุมชนมีความตั้งใจ และมีส่วนร่วมในกระบวนการเพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง
"ปัจจุบันมากกว่า 1700 ครัวเรือนในตำบลสวาย ที่ดำรงชีพด้วยการทอผ้าไหม และยังมีประมาณ 50 ครัวเรือน ที่ยังคงอนุรักษ์การทอผ้าไหมใต้ถุนเรือนเอาไว้ นอกจากนี้ใน ต.สวายยังมีการจัดการตั้งแต่ปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงไหม ย้อมสีเคมีและสีธรรมชาติ ทอผ้า ไปจนถึงการจัดการเพื่อส่งออกสู่ตลาดผ้าอย่างเป็นระบบ อีกทั้งเกิดการรวมกลุ่มผู้ทอผ้าไหมในตำบลสวายได้เปลี่ยนพื้นที่ในชุมชนเป็นศูนย์การเรียนรู้ทอผ้าพื้นเมือง และกลายมาเป็นตำบลหนึ่งที่ผลิตผ้าไหมพื้นเมืองสีเคมีและสีธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศ"
ส่วนการท่องเที่ยวชุมชนที่ ต.สนวนนอก จ.บุรีรัมย์ ผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็ง และสามารถรวมกลุ่มชาวบ้านมาร่วมทำงานได้เกือบทั้งตำบล จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรมโดยชุมชน ที่บริหารงานโดยชุมชนแท้ๆ ทำให้นักท่องเที่ยว ผู้ที่เข้ามาดูงานเข้าใจวัฒนธรรมความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตภาษา ประเพณี วิถีวัฒนธรรมของอีสานใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ สำหรับการเที่ยวชมในชุมชนนั้นจะแบ่งเป็นฐานต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม มีบริการอาหารและที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วย ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาบริษัทประชารัฐรักสามัคคี จ.บุรีรัมย์ และผู้แทนองค์กรชุมชนเข้ามาสนับสนุนให้มีการบริหารจัดการภายในที่ดีขึ้น ทำให้คนในชุมชนมีรายได้กระจายไปทุกครัวเรือนจากการท่องเที่ยวที่จัดการด้วยตนเอง
“ภาพรวม ร้อยเอ็ด-สุรินทร์-บุรีรัมย์ พอช.พยายามสื่อสารกับทุกๆฝ่าย เพื่อให้เห็นกระบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่คนในชุมชนได้มีโอกาสลุกขึ้นมามีส่วนร่วม และได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง แม้ว่ากระบวนการบางพื้นที่อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ ณ วันนี้ เรามีแกนนำแต่ละพื้นที่ได้จับมือกับประชารัฐรักสามัคคี และทีมงานท่องเที่ยวในเขตอารยธรรมอีสานใต้ อนาคตอันใกล้ กระบวนการตรงนี้จะเชื่อมโยงและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น” ดร.อนุรักษ์กล่าว