ลดภาษีหนุนเที่ยวเมืองรอง หวั่นเงินไม่สะพัดกระตุ้นศก.ไม่ขึ้น

โดย...จะเรียม สำรวจ

รัฐบาลเตรียมจะกระตุ้นเศรษฐกิจอีกระลอก ด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวซึ่งครั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องการสนับสนุนการท่องเที่ยวให้ลงไปถึงในระดับชุมชน จึงได้วางแนวทางการใช้มาตรการทางภาษี โดยให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวมาหักลดหย่อนภาษี โดยได้กำหนดโซนการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง เพื่อให้สิทธิในการลดหย่อนที่แตกต่างกัน

ประกอบด้วย โซน 1 เมืองท่องเที่ยวหลัก 14 จังหวัด ลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท โซน 2 ได้แก่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด จำนวน 12 จังหวัด ลดหย่อนภาษีได้ 3 หมื่นบาท และโซน 3 จังหวัดท่องเที่ยวรองอื่นๆ  จำนวน 51 จังหวัด ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 5 หมื่นบาท ซึ่งแนวทางดังกล่าวกระทรวงการคลังได้เห็นชอบในหลักการไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวจะเห็นด้วยในหลักการ แต่ยังมองว่า มาตรการลดหย่อนภาษีเที่ยวที่แบ่งเป็น 3 โซน อาจจะไม่หนุนให้ท่องเที่ยวคึกคักมากนัก เพราะรัฐเน้นกระตุ้นที่เมืองรองเป็นหลัก 

ศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า กรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมจัดทำโครงการ “เที่ยวทั่วไทย ไปถึงถิ่น”  เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในท้องถิ่นผ่านการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และเพื่อให้กระจายตัวไปยังเมืองรองด้านการท่องเที่ยว โดยกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ  เริ่มในไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2560 ในส่วนของมาตรการดังกล่าวมองว่าไม่น่าจะช่วยกระตุ้นให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความคึกคักมากนัก

ขณะเดียวกัน หากมองในด้านของเม็ดเงินที่จะสะพัดในเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในโครงการก็ไม่น่าจะมีมูลค่ามากนัก  เนื่องจากเน้นไปที่การท่องเที่ยวในเมืองรอง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเมืองท่องเที่ยวหลัก เห็นได้จากราคาห้องพักในโรงแรม นอกจากนี้  หากมองในด้านของจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในเมืองรองส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงเน้นการท่องเที่ยวในเมืองหลัก เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี และสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

แม้ว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวได้มากนัก แต่ก็ถือเป็นมาตรการที่ดีในการช่วยเหลือชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ชุมชนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งภาคเอกชนเห็นด้วยในหลักการ

ในส่วนของภาพรวมธุรกิจโรงแรมในช่วง 5 เดือนที่เหลือ คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค. ถือเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าภาพรวมสิ้นปีนี้อัตราการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมทั้งประเทศน่าจะมีอัตราเฉลี่ยที่ประมาณ 75% เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีอัตราเฉลี่ยการเข้าพักที่ประมาณ 70%

ด้าน โชติช่วง ศูรางกูร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ กล่าวว่า มาตรการลดหย่อนภาษีการท่องเที่ยวที่จะประกาศใช้ในช่วงปลายปีนี้  ในส่วนของบริษัททัวร์ไม่น่าจะได้รับผลดีจากมาตรการดังกล่าวมากนัก เนื่องจากพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยเปลี่ยนไป คือ หันมาท่องเที่ยวด้วยตัวเองมากขึ้น

มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว 3 โซน จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะคิกออฟได้ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งหากเดินตามแนวทางที่วางไว้ก็ต้องดูว่า จะได้ผลตามที่คาดหวังหรือไม่ และที่สำคัญความพร้อมด้านสาธารณูปโภคและบุคลากรรองรับการท่องเที่ยวของเมืองรองมีมากน้อยเพียงใด สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้แค่ไหนเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน