สศช.เตรียม แผนประชากร ลดสังคมสูงวัย

สศช.หวั่นโครงสร้างประชากรกระทบการพัฒนาประเทศ หลังผู้สูงอายุเพิ่ม เด็กเกิดน้อย วัยแรงงานลด

นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยในงานสัมมนา ร่างแผนประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว 20 ปี (ปี 2560-2579) ว่า เตรียมเสนอร่างแผนประชากรฯ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ขณะนี้ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาโครงสร้างประชากร เนื่องจากการเพิ่มจำนวนของเด็กเกิดใหม่ระหว่างปี 2506-2526 เหลืออยู่ปีละ 7 แสนคน จากเดิมปีละ 1 ล้านคน

ด้านประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้นเป็นสังคมผู้สูงอายุ โดยรวมโครงสร้างประชากรของไทยจึงอยู่ในภาวะเกิดน้อยอายุยืน แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศยังไม่จัดอยู่ในระดับประเทศรายได้สูง แตกต่างจากประเทศอื่นที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่มีรายได้ประเทศฐานะค่อนข้างดี ซึ่งในอาเซียนมีประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงอายุแล้วคือ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย

ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 2561 จะเป็นปีแรกที่กลุ่มผู้สูงอายุจะมากกว่าวัยเด็กจำนวนหลายแสนคน และประชากรกลุ่มสูงอายุจะเพิ่มอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2564 ที่จะเข้าถึงสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุอยู่ที่ 20% ของประชากรทั้งหมด และตั้งแต่ปี 2579 ประชากรไทยจะมีจำนวนน้อยกว่าในปัจจุบัน และจะมีสัดส่วนของประชากรสูงอายุที่ 30% เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ซึ่งการที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น ขณะที่ประชากรวัยเด็กและวัยแรงงาน ลดลง จะเกิดการสร้างภาระพึ่งพิงต่อวัยแรงงานและภาครัฐที่ต้องเข้าไปดูแลจัดสวัสดิการให้ผู้สูงอายุมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศและการลดลงของแรงงานจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจด้วย

อย่างไรก็ตาม ต้องหาแนวทางเพิ่มประชากรทั้งปริมาณและพัฒนาคุณภาพอย่างเข้มข้นให้สมบูรณ์ในทุกมิติ ซึ่งในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีเพิ่มไปอีก

นายมีชัย วีระไวทยะ นายกสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทำเรื่องการคุมกำเนิดได้ผลมาก อัตราการเพิ่มประชากรจาก 3.3% เหลือ 0.6% จากเดิมที่เคยมีลูกกันครอบครัวละ 7 คน เหลือ 1.5-1.6 คน โดยแนวทางการเพิ่มประชากรได้ เช่น การให้รัฐบาลประกาศสนับสนุนสำหรับคนที่มีบุตรคนที่ 2 และคนที่ 3 จะให้เรียนระดับมหาวิทยาลัยฟรี