posttoday

ผลิตภัณฑ์ไทย สบช่องแข่งจีน

02 พฤษภาคม 2560

เมื่อกลไกตลาดเปิดโอกาสให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันมากขึ้น ก็ควรต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถ

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของจีนไปมากถึงวันละ 500 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมากเมื่อเทียบกับไทยที่ค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยยังอยู่แค่วันละกว่า 300 บาท ส่งผลให้สินค้าไทยโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตร สามารถแข่งขันตลาดส่งออกได้มากขึ้น และขณะเดียวกันทุนต่างชาติหันมายกระดับไทยเป็นฐานผลิตที่มีความสำคัญ แต่ประเด็นที่ต้องติดตามอุตสาหกรรมของเล่นทั่วโลก มีสัญญาณว่าเด็กๆ จะต้องเล่นของเล่นราคาแพงขึ้น

องอาจ กิตติคุณชัย ประธานกรรมการ บริษัท ซันสวีท ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ข้าวโพดหวานแบรนด์เคซี เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรของไทยอยู่สภาพสามารถแข่งขันกับจีนได้มากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาผักและผลไม้
ของไทยสูญโอกาสแข่งขันทั้งตลาดส่งออกและในประเทศ จากที่จีนมีต้นทุนผลิตต่ำ และใช้กลยุทธ์ราคาเข้ามาตีตลาด

ทั้งนี้ ราคาสินค้าเกษตรจีนกับไทยเริ่มไม่ห่างกันมาก จากเดิมข้าวโพดไทย 420 บาท/กก. ส่วนจีน 210 บาท/กก. ช่วง 1-2 ปี เริ่มมีสัญญาณสั่งซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น อย่างของบริษัทก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นซื้อสินค้าจากจีน เริ่มหันมาสั่งซื้อสินค้าไทย เช่น ยอดขายข้าวโพดจาก 400 ตู้คอนเทนเนอร์ คาดว่าปีนี้เพิ่มเป็น 600 ตู้คอนเทนเนอร์ มองว่าสินค้าเกษตรไทยต้องปรับตัวสู่สมาร์ทฟาร์เมอร์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนผลิต พัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป หากไม่ปรับตัวส่งออกของไทยจะสูญเสียโอกาสให้เวียดนามในไม่เกิน 3-5 ปี

ค่าแรงจีนที่พุ่งสูง โอกาสที่จีนจะสูญเสียการเป็นฐานผลิตสินค้าต่างๆ ก็มีความเป็นไปได้ จุฑาภัทร บุณย์วงศกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (พีแอนด์จี) กล่าวว่า ต้นทุนการผลิตโรงงานพีแอนด์จีในจีนปรับเพิ่มขึ้น สวนทางกับคุณภาพไม่สามารถสู้แรงงานไทยได้ พีแอนด์จีในไทยจึงเป็นยุทธศาสตร์ฐานการผลิตเพื่อส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์อันดับ 2 ของโลก รองจากโรงงานจีน และตั้งเป้า 2-3 ปี เป็นอันดับหนึ่งด้านการผลิต  

พีรภาส สิทธิเนตร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ บริษัท เกี๊ยกรุ่งเรือง ผู้นำเข้าของเล่นจากจีนลิขสิทธิ์ดิสนีย์ กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงของจีน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของเล่นเพิ่มขึ้น 10-15% นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจีนถือว่าเป็นฐานการผลิตของเล่นป้อนตลาดทั่วโลกถึง 90% จึงมีแนวโน้มว่าของเล่นแต่ละประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทยปรับราคาขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับบริษัทนำเข้าของเล่นจากจีน 90% มีแผนปรับราคาของเล่นในกลุ่มฟังก์ชั่นหรือมีเทคโนโลยีสูงๆ ในช่วงปลายปีนี้ ส่วนของเล่นขนาดเล็กไม่มีแผนปรับขึ้น เพื่อให้กระทบยอดขายน้อยที่สุด จากสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้และกำลังซื้อของผู้บริโภคก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวดีมาก

เมื่อกลไกตลาดเปิดโอกาสให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันมากขึ้น ก็ควรต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถ และการปรับตัวยุคอุตสาหกรรม 4.0 ทั้งซัพพลายเชน เพื่อให้ไทยผงาดในเอเชียได้