posttoday

เจาะกลยุทธ์ญี่ปุ่น ดึงนักท่องเที่ยวไทย-ทั่วโลก

01 พฤษภาคม 2560

ญี่ปุ่นเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่คนไทยต้องการไปเยือน ไม่ว่ากลุ่มเดินทางกับบริษัทนำเที่ยวหรือกลุ่มเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง

โดย...จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์

ญี่ปุ่นเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่คนไทยต้องการไปเยือน ไม่ว่ากลุ่มเดินทางกับบริษัทนำเที่ยวหรือกลุ่มเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) และแม้ตลาดจะเติบโตเช่นไร ญี่ปุ่นก็ไม่เคยชะล่าใจชะลอการทำตลาด ยังคงรุกหนักอย่างสม่ำเสมอ ทั้งรัฐและเอกชน ไม่ใช่แค่ระดับภาพใหญ่ แม้แต่หน่วยงานแต่ละเมืองของญี่ปุ่นก็มาบุกเบิกตลาดเอง ถือเป็นประเทศตัวอย่างในการทำตลาดท่องเที่ยวที่น่าสนใจศึกษา

ยาซูโตะ คาวาราบายาชิ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (เจทีเอ) เปิดเผยว่า ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกอย่างจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง ยังเป็นตลาดหลักที่มาเที่ยวญี่ปุ่น คิดเป็น 72.7% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่มาในปี 2559 ซึ่งมี 24.04 ล้านคน ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เป็นอีกตลาดสำคัญ ปีที่ผ่านมามี 2.51 ล้านคน คิดเป็น 10.4% และเป็นตลาดที่โตเร็วมาก เช่น ไทย เป็นชาติที่เดินทางไปมากอันดับ 6 หรือ 3.7% ขณะที่ตลาดอเมริกา แคนาดา ยุโรป ยังตามหลังเอเชียอยู่ ดังนั้นกลยุทธ์ระยะต่อไปของญี่ปุ่นก็คือการทำตลาดเหล่านี้เพิ่มขึ้น

“ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2559 ญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายไว้ว่าในปี 2563 ที่มีการจัดแข่งโอลิมปิก จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไปเที่ยว 40 ล้านคน จากนั้นปี 2573 จะมี 60 ล้านคน ส่วน 3 เดือนแรกปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาญี่ปุ่นแล้ว 6.5 ล้านคน” คาวาราบายาชิ กล่าว

ด้านกระบวนการสำคัญที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายมาจาก 3 แนวทาง คือ 1.การเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เพิ่มสัญลักษณ์หรือแปลภาษาในจุดท่องเที่ยวทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจง่ายขึ้น เสนอกิจกรรมน่าสนใจในพื้นที่ธรรมชาติที่เป็นมรดกโลก ปรับปรุงเขตเมืองภายใต้เทศบาลต่างๆ

2.ทบทวนกฎระเบียบและออกกฎใหม่ช่วยเพิ่มผลิตภาพและความสามารถแข่งขัน กระจายตลาดให้หลากหลายดึงดูดนักท่องเที่ยวนอกภูมิภาคเอเชีย รวมถึงตลาดประชุม สัมมนา นิทรรศการ และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล (ไมซ์) ปรับแนวทางทำตลาดจุดหมายต่างๆ

3.สร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เดินทางสะดวก เช่น การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไว-ไฟ เครดิตการ์ด เพิ่มความสะดวกด้านการเดินทางไปจุดหมายท่องเที่ยว ปฏิรูปวันหยุดพักผ่อนผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยคนญี่ปุ่น

ฮิโรมิ ทากาวะ ประธานกรรมการ บริษัท เจทีบี ผู้ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวรายใหญ่ในญี่ปุ่น และรองประธานกรรมการ ดับเบิ้ลยูทีทีซี กล่าวว่า แม้ขณะนี้ในภูมิภาคจะมีปัญหาของประเทศใกล้เคียงที่โลกจับตามองอยู่ ในฐานะที่อยู่ในภาคท่องเที่ยวก็จับตาเรื่องนี้เช่นกัน และมองว่าการแก้ปัญหานี้ทุกประเทศในภูมิภาคจะต้องกลับไปมองภารกิจของภูมิภาค (Region Mission) ร่วมกัน พร้อมใช้เรื่องการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศเป็นตัวแปรสำคัญเพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สร้างความสุขร่วมกัน

คะซุฮิโระ อิโต ผู้อำนวยการบริหาร องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) สำนักงานกรุงเทพฯ กล่าวว่า มีแนวทางทำตลาดส่งเสริมคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่น 2 รูปแบบ โดยแบบแรก คือ ระหว่างภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (บีทูบี) ก็จะเชิญตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวของไทยไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในญี่ปุ่น พร้อมจัดเวทีนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นให้ตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยวรับทราบภายในงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก ที่มีผู้ประกอบการเหล่านี้มาออกงานมากอยู่แล้ว 2 ครั้ง/ปี

สำหรับอีกรูปแบบ คือ ระหว่างภาคธุรกิจกับผู้บริโภค (บีทูซี) ก็จะทำผ่านการออกบูธในงานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก รวมทั้งการจัดงานส่งเสริมกลุ่มเดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (เอฟไอที) ชื่องานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ปีละ 2 ครั้ง โดยมั่นใจว่าจากแนวทางที่ทำจะส่งผลให้จำนวนคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นปีนี้เกิน 1 ล้านคนแน่นอน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหลังญี่ปุ่นยกเว้นวีซ่าให้คนไทยก็ทำให้คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นโตต่อเนื่อง แต่มองว่าปี 2561-2562 การเติบโตของตลาดคนไทยเที่ยวญี่ปุ่นอาจเริ่มทรงตัวแล้ว เพราะโตมากติดต่อกันหลายปี ส่วนปี 2563 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันโอลิมปิก คาดว่าปีนั้นจะมีคนไทยไปเที่ยวอย่างต่ำ 1.2 ล้านคน แต่ถ้าถึงวันนั้นไทยได้รับการปลดด้านการบิน สายการบินขยายเส้นทางบินได้มากขึ้น มีจำนวนที่นั่งจากไทยไปญี่ปุ่นมากขึ้นแล้ว จำนวนคนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงมากกว่าที่ประมาณการไว้แน่นอน

หากเปรียบมวยด้านการส่งเสริมท่องเที่ยวของหลายประเทศที่เข้ามาเจาะตลาดคนไทยแล้ว จัดได้ว่าญี่ปุ่นไม่ได้มาเล่นๆ เลยทีเดียว