posttoday

กสทช.ถกปมเยียวยาผู้ใช้บริการกรณีทรูวิชั่นส์ขอยกเลิก11 ช่อง

05 มีนาคม 2560

กสทช.ประชุม 6 มี.ค.ถกรณีทรูวิชั่นส์ขอยกเลิก11 ช่องกับการเยียวยาผู้บริโภค - อนุเนื้อหาชงลงโทษซ้ำ VoiceTV – PeaceTV

กสทช.ประชุม 6 มี.ค.ถกรณีทรูวิชั่นส์ขอยกเลิก11 ช่องกับการเยียวยาผู้บริโภค -  อนุเนื้อหาชงลงโทษซ้ำ VoiceTV – PeaceTV

น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ครั้งที่ 8/60 วันจันทร์ที่ 6 มี.ค. 60 มีวาระการประชุมน่าจับตา ได้แก่ การพิจารณาขอยกเลิกใบอนุญาต 11 ช่องรายการ ของบริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด รวมทั้งพิจารณาแผนการชดเชยเยียวยาผู้ใช้บริการทั้ง 11 ช่อง ซึ่งแม้กรณียกเลิก 6 ช่อง HBO บอร์ด กสท.จะยุติเรื่องไปแล้ว แต่กรณียกเลิก 11 ช่องยังไม่จบและมีความซับซ้อนกว่า คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ ได้มีข้อเสนอให้ สำนักงานมีคำสั่งให้บริษัทฯ จัดทำมาตรการเยียวยาผู้บริโภคเพิ่มเติมให้เป็นธรรมและครอบคลุมการคุ้มครองผู้บริโภค ภายใน 15 วัน หากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม จะใช้มาตรการกำหนดโทษปรับวันละ 20,000 บาท และเมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากยังคงฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอยู่อีกจะใช้มาตรการทางปกครองสั่งเพิกถอนใบอนุญาตต่อไป

ส่วน บริษัท ทรูฯ ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายฯ นั้น กรณีช่อง BBC Entertainment และ Cbeebies พบว่า บริษัทได้มีการดำเนินการแจ้งผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 30 วันแล้ว ส่วนอีก 9 ช่องรายการได้แก่ Block A, MUTV, National Geographic, Discovery Science, DMAX, EVE, Discovery Kids, FASHION ONE, และ M นั้น ได้มีการยุติการให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 59 แต่ไม่อาจพิจารณาได้ว่ามีการกระทำที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ ซึ่งบริษัทไม่ได้แสดงหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนมีการเปลี่ยนแปลง  อนุกรรมการฯได้มีข้อเสนอให้แจ้งบริษัทต้องปฏิบัติตามข้อ 15 วรรคแรกของประกาศ กสทช. เรื่องมาตรฐานของสัญญาการให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก พ.ศ. 2556  ซึ่งกำหนดว่า “มีหน้าที่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเคร่งครัด” และในกรณีที่มีการขอยกเลิกใบอนุญาต จะต้องเก็บและแนบหลักฐานการแจ้งให้ผู้ใช้บริการ เพื่อใช้ประกอบการขอยกเลิกใบอนุญาตต่อ กสท.

นอกจากนี้กสท. เตรียมหารือการออกอากาศเนื้อหารายการ Wake Up News ทางช่อง Voice TV ออนแอร์วันจันทร์ที่ 20 ก.พ. 60 เวลาประมาณ 7.04 น. ตามที่สำนักงาน กสทช. ตรวจพบว่ามีการนำเสนอประเด็น “ดีเอสเผยคลิปนาที จนท.สาวถูกพระธรรมกายตบกล้อง” และช่วงประมาณ 8.34 น. มีการนำเสนอเนื้อหาหัวข้อ “โพลล์เผย 2 ปี 6 เดือน ปชช.ปลื้มบิ๊กตู่น้อยลง” โดยนำความเห็นของผู้ชมมาอ่านในรายการ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อาจเข้าข่ายขัดต่อประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557 รวมทั้งอาจขัดต่อข้อกำหนดในบันทึกข้อตกลงที่ได้ทำไว้ร่วมกับสำนักงาน กสทช. และ มาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหา ได้พิจารณาและมีข้อเสนอต่อ กสท.ใช้อำนาจตามข้อ 19 ของ ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 มีคำสั่งให้ Voice TV แก้ไขปรับปรุงระงับการออกอากาศรายการดังกล่าวเป็นเวลา 7 วัน

สำนักงานยังได้ตรวจพบว่า ช่อง Peace TV ออกอากาศรายการเดินหน้าต่อไป เมื่อวันที่ 7 ก.พ.  60 เวลาประมาณ 14.00 – 15.00 น. มีเนื้อหารายการไม่เหมาะสม มีลักษณะเป็นการส่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนเกี่ยวกับสภาวะเงินคงคลังและประสิทธิภาพในการบริหารประเทศของรัฐบาลปัจจุบัน อันเป็นการต้องห้ามตามประกาศ คสช. ฉบับที่ 97/2557 ฉบับที่ 103/2557 ซึ่งเป็นการกระทำที่ที่อาจขัดต่อ มาตรา 37 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการฯร อนุกรรมการฯได้เสนอโทษทางปกครองโดยการปรับเงินจำนวน 50,000 บาท     

“ส่วนตัวเสนอว่าถ้ากรณี 2 ช่องนี้ นำเสนอข้อมูลที่คิดว่าไม่ครบถ้วน หรือพาดพิงใครเข้า กสท.ควรสั่งให้ช่องเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายที่โดนพาดพิงได้ชี้แจง ให้สิทธิ์การโต้แย้งข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้าน เพื่อให้คนดูตัดสินเอง จะเป็นการแก้ปัญหาตามแนวทางสากลที่ตรงจุดกว่าการไปสั่งแบนสื่อ”น.ส.สุภิญญา กล่าว