posttoday

ลุ้นเงินหมุนแสนล้าน

09 ธันวาคม 2559

หอการค้าลุ้นมาตรการปลายปี อัดเงินเข้าระบบเฉียดแสนล้าน หวังกระตุ้นต่อเนื่องปี 2560 ดันจีดีพี 3-5%

หอการค้าลุ้นมาตรการปลายปี อัดเงินเข้าระบบเฉียดแสนล้าน หวังกระตุ้นต่อเนื่องปี 2560 ดันจีดีพี 3-5%

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีนี้หากมีมาตรการกระตุ้นใช้จ่าย หรือช็อปช่วยชาติออกมา ถ้าลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท จะทำให้มีเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 2 หมื่นล้านบาท หากลดหย่อน 3 หมื่นบาท จะมีเงินเข้าระบบ 2.5-3 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยว การแจกเงินคนจน และเงินในโครงการจำนำยุ้งฉางเพื่อช่วยเหลือชาวนา คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินในระบบอย่างน้อย 5-8 หมื่นล้านบาท หรืออย่างมากเกือบแสนล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่าจะช่วยทำให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น และทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ขยายตัวได้ถึง 3% และทำให้ปี 2559 เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) เติบโต 3.2% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม 3.3% เนื่องจากประชาชนกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนสูง ราคาพืชผลทางการเกษตรทรงตัวในระดับต่ำ การบริโภคของประชาชนยังฟื้นตัวไม่มากนัก

“รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะลงสู่เศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อให้บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยมีทิศทางดีขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสแรกปีหน้าเป็นต้นไป โดยเฉพาะมาตรการโอนเงินสู่ผู้มีรายได้น้อยที่จะเริ่มเดือน ธ.ค.นี้ และโครงการเร่งรัดเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีแรงเหวี่ยงมากขึ้น” นายธนวรรธน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นจะส่งสัญญาณดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2560 ขณะที่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะมีผลทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบอีก 2-3 หมื่นล้านบาท แต่ยังไม่น่าเพียงพอที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวช่วงครึ่งหลังของปี 2560 โดยทั้งปีคาดว่าจีดีพีไทยจะเติบโต 3-4% แต่ถือว่ายังต่ำกว่าศักยภาพที่จีดีพีไทยควรจะเติบโต 3.5-4% แต่หากเติบโตไม่ถึง 4% อาจมีผลทำให้เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลสำรวจความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทย เดือน พ.ย. 2559 พบว่า ดัชนีปรับลดลงทุกรายการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ 72.3 ลดลงจากเดือน ต.ค. 2559 อยู่ที่ 73.1 ดัชนีเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 61.2 ลดลงจากเดือน ต.ค. 2559 อยู่ที่ 62.0