posttoday

แม็คโครทุ่ม3พันล้านซื้อ4ธุรกิจอาหาร

02 พฤศจิกายน 2559

แม็คโครทุ่ม 3,058 ล้าน ซื้อ 4 ธุรกิจบริการด้านอาหารต่างชาติ เสริมธุรกิจในเครือ

แม็คโครทุ่ม 3,058 ล้าน ซื้อ 4 ธุรกิจบริการด้านอาหารต่างชาติ เสริมธุรกิจในเครือ

น.ส.เสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบริหารการเงินและหน่วยงานสนับสนุนบริษัท สยามแม็คโคร (MAKRO) หรือแม็คโคร แจ้งมติของที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทว่า บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมด ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นฉบับลงวันที่ 31 ต.ค. 2559 กับผู้ขายเพื่อเข้าซื้อ 80% ในแต่ละบริษัทซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการด้านอาหารดังต่อไปนี้บริษัทอินโดกูนา (สิงคโปร์) บริษัทจดทะเบียนในสิงคโปร์ บริษัท อินโดกูนา ดูไบบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริษัท ลอร์ดลีย์ บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง และบริษัท จัสท์ มีท บริษัทจดทะเบียนในฮ่องกง มูลค่ารวมทั้งสิ้น 117.6 ล้านเหรียญดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 3,057.6 ล้านบาท (ค่าเงิน 26 บาท ต่อ 1 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์)

ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนที่บริษัทจะใช้ในการเข้าซื้อเป็นเงินทุนของบริษัทและจากวงเงินสินเชื่อตามสัญญาให้การสนับสนุนทางการเงินกับสถาบันการเงิน โดยมูลค่ารายการอาจมีการปรับเปลี่ยนภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นและการเข้าซื้อผลประโยชน์ในบริษัทดังกล่าวจะเกิดขึ้น เมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นสำเร็จครบถ้วน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าผลประกอบการแม็คโครจะทรงตัวในไตรมาส 3 นอกจากการจัดโปรโมชั่นแคมเปญตามปกติเพื่อดึงลูกค้าเข้าห้างแล้ว ลูกค้าของบริษัทยังให้ความสนใจกับการจัดงานฉลองวันเกิดของแม็คโครในช่วงไตรมาส 3 เพื่อหาซื้อของดีราคาถูกที่คุ้มค่าเงิน ซึ่งจะช่วยให้ยอดขายต่อสาขาเดิมเพิ่มขึ้นเป็น 3.0-4.0% ใน ไตรมาส 3 จาก -0.7% ช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3.1% ในไตรมาส 2

ทั้งนี้ จากยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13.4% และอัตรากำไรขั้นต้น ที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 9.1% จากแรงจูงใจของผู้จัดจำหน่ายที่คาดว่าจะชดเชยผลจากค่าใช้จ่ายการขายและการบริหารต่อยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการขยายสาขา และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดอาคารสำนักงานใหม่ได้

ดังนั้น จึงคาดว่ากำไรสุทธิของแม็คโครในไตรมาส 3 จะยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 1,260 ล้านบาท จาก 1,240 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ แม้กำไรของบริษัทจะมีแนวโน้มดีขึ้นในครึ่งปีหลัง แต่คาดว่าผลประกอบการที่อ่อนแอในครึ่งปีแรกจะฉุดให้กำไรสุทธิในปีนี้ลดลง 2.4% จากปีก่อนเหลือ 5,200 ล้านบาท สมมติฐานหลัก ได้แก่ ยอดขายต่อสาขาเดิมที่ 3.0% จาก 0.6% ในปี 2558 เนื่องจากคำสั่งซื้อซ้ำของสินค้าประเภทอาหารสด ซึ่งจะช่วยหนุนให้ยอดขายในปีนี้โตถึง 11.6% เป็น 1.703 แสนล้านบาท

ราคาหุ้น MAKRO พุ่ง 2.24% หรือ 0.75 บาท มาปิดที่ 34.25 บาท ราคาปรับเพิ่มมากกว่าการเพิ่มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย