posttoday

ชงเพิ่มโทษธุรกิจขายตรง

21 กันยายน 2559

กฤษฎีกาเสนอเพิ่มโทษธุรกิจขายตรงผิดกฎหมาย ปรับวันละ 2 หมื่นบาท กำหนดทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทขึ้นไป

กฤษฎีกาเสนอเพิ่มโทษธุรกิจขายตรงผิดกฎหมาย ปรับวันละ 2 หมื่นบาท กำหนดทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทขึ้นไป

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2559ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรงตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว

ทั้งนี้ ในส่วนของบทกำหนดโทษทั้งการประกอบธุรกิจขายตรงและธุรกิจตลาดแบบตรงมีบทกำหนดโทษเดียวกันหากทำธุรกิจโดยไม่จดทะเบียนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ส่วนของอัตราโทษค่าปรับรายวัน หากยังฝ่าฝืนอยู่กำหนดให้ธุรกิจขายตรงเสียค่าปรับไม่เกินวันละ 2 หมื่นบาท/วัน สูงกว่าธุรกิจตลาดแบบตรงกำหนดให้มีค่าปรับวันละ 1 หมื่นบาท และกำหนดให้การเลิกประกอบธุรกิจขายตรง หรือตลาดแบบตรงไม่เป็นเหตุให้ผู้ประกอบธุรกิจพ้นจากความรับผิด

“สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นให้แยกการกำหนดคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนประกอบธุรกิจออกเป็นผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจแบบตรง โดยผู้ประกอบธุรกิจขายตรงจะมีลักษณะการดำเนินการชักชวนบุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายโดยตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงควรเพิ่มบทลงโทษ” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว

นอกจากนี้ ได้กำหนดคุณสมบัติให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงจะต้องเป็นบริษัทจำกัดที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท บริษัทมหาชนจำกัดและห้างหุ้นส่วนซึ่งมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ส่วนห้างหุ้นส่วนก็ต้องเป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเท่านั้น จึงจะสามารถยื่นคำขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงได้ ต่างจากเดิมที่เปิดโอกาสให้บุคคลใดก็ได้ทำธุรกิจขายตรงได้ ทั้งนี้เพราะต้องการให้เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตป้องกันประชาชนถูกหลอกลวง เนื่องจากธุรกิจนี้ถูกกระทบในวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม การประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงนั้น เนื่องจากรูปแบบธุรกิจตลาดแบบตรงเป็นการขายผ่านสื่อ ความเสี่ยงของผู้บริโภคคือการไม่ได้รับสินค้า สินค้าชำรุดบกพร่อง หรือสินค้าไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ ไม่มีโอกาสกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ ในลักษณะเดียวกับธุรกิจขายตรงที่จะส่งผลกระทบในวงกว้าง จึงได้กำหนดคุณสมบัติเปิดกว้างให้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สามารถยื่นคำขอจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงได้ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ผู้ประกอบการโอท็อป และผู้ประกอบการรายย่อยออนไลน์ และไม่ได้กำหนดเรื่องทุนจดทะเบียนไว้ด้วย

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตาย่าง เตาปิ้ง และเครื่องทำอาหารเคลื่อนย้ายได้ที่คล้ายกันต้อง เป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก.1641-2552 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับที่ 4093 เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เตาไฟฟ้าที่เคลื่อนย้ายได้ที่ใช้ในครัวเรือนทุกประเภทมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยในการใช้งาน ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นเพิ่มเติมว่า สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมควรประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยและให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง