posttoday

ติวหน่วยงานรัฐคุมเข้มข้อมูล

16 กันยายน 2559

กระทรวงไอซีทีติวเข้ม 120 หน่วยงานรัฐ รักษาความปลอดภัยข้อมูลระดับ “เคร่งครัด”

กระทรวงไอซีทีติวเข้ม 120 หน่วยงานรัฐ รักษาความปลอดภัยข้อมูลระดับ “เคร่งครัด”

กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จัดประชุมชี้แจงเตรียมความพร้อมให้กับหน่วยงานที่มีรายชื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ซึ่งต้องรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระดับ “เคร่งครัด” ตามประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา

น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงไอซีที เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการผลักดันให้มีการบริหารจัดการและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของทรัพย์สินสารสนเทศในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องและสำคัญต่อความมั่นคงหรือความสงบเรียบร้อยของประเทศ คณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงประกาศรายชื่อหน่วยงานหรือองค์กรที่ถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ซึ่งต้องกระทำตามวิธีการแบบปลอดภัยในระดับเคร่งครัด ปี 2559
โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 360 วัน นับแต่วันที่ได้ลงประกาศ

ทั้งนี้ ประกาศคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศตามวิธีการแบบปลอดภัย ปี 2555 แบ่งระดับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความมั่นคงของระบบสารสนเทศไว้ 3 ระดับ คือ ระดับพื้นฐาน ระดับกลาง และระดับเคร่งครัด โดยหน่วยงานที่ถูกประกาศรายชื่อหน่วยงานที่ถือว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ ซึ่งต้องกระทำตามวิธีการแบบปลอดภัยในระดับเคร่งครัดมีทั้งหมด 120 หน่วยงาน อาทิ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กรมการปกครอง บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานในกองทัพ เป็นต้น

“ปัจจุบันประเทศไทยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ดังนั้นการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและคุ้มครองสิทธิให้กับผู้ใช้งานในทุกภาคส่วน ตลอดจนเพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคต กระทรวงไอซีทีในฐานะเป็นฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้จัดการประชุมชี้แจงเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหน่วยงานในการจัดทำมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศระดับเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชนในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่อไป” น.อ.สมศักดิ์ กล่าว