posttoday

'เจ้เล้ง'สู้ค้าออนไลน์หนีภาษีหวังขยับสัดส่วนรายได้30%เพิ่ม

19 สิงหาคม 2559

ร้านเจ้เล้ง ลุยออนไลน์ ปรับตัวรับมือขาช็อปออฟไลน์หด นำเข้าสินค้าเอสเอ็มอีจากทั่วโลกบุกไทย

ร้านเจ้เล้ง ลุยออนไลน์ ปรับตัวรับมือขาช็อปออฟไลน์หด นำเข้าสินค้าเอสเอ็มอีจากทั่วโลกบุกไทย

นางอารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล หรือเจ้เล้ง เจ้าของกิจการสินค้านำเข้าเจ้เล้ง เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยจะให้ความสำคัญกับช่องทางจำหน่ายออนไลน์มากขึ้น จากที่มีสัดส่วนรายได้ราว 30% ของรายได้รวม และขณะเดียวกันในช่องทางออฟไลน์ก็ต้องรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ เพื่อรองรับกับพฤติกรรมลูกค้าที่หันมาช็อปปิ้งผ่านทางออนไลน์มากขึ้น

นอกจากนี้ การปรับตัวยังมาจาก ภาพรวมการแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีคู่แข่งเป็นร้านค้านำเข้าสินค้าหนีภาษีจำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊ก อินสตาแกรมเกิดขึ้นจำนวนมาก รวมไปถึงคนไทยเริ่มสร้างแบรนด์สกินแคร์ เครื่องสำอางจำหน่ายเอง ส่วนกลยุทธ์ตลาดบริษัทเพิ่มความหลากหลายของสินค้าทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ นำเข้าสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ตลอดเวลา

ขณะที่ในช่องทางออนไลน์ มีแผน นำเข้าสินค้าเอสเอ็มอีจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นโซนเอเชีย หรือยุโรป ราคาเริ่มต้น 350 บาท เพราะการนำสินค้าราคาถูกมาจำหน่าย ทำให้ขายได้คล่องและเร็วขึ้น เบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการจีน 5-6 ราย จากปัจจุบันทางร้านนำสินค้านำเข้ามาจำหน่ายในไทยมากกว่า 10 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลี อเมริกา เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่องทางออฟไลน์ พบว่า ความถี่ในการมาซื้อสินค้าลดลง แต่ยังเป็นช่องทางที่สำคัญสร้างรายได้สัดส่วน 70% เพราะลูกค้าที่เข้ามาซื้อภายในร้าน จะซื้อปริมาณมากเมื่อเทียบกับออนไลน์การซื้อต่อครั้งน้อยกว่า จึงได้ทำโปรโมชั่นซื้อ 3 แถม 1 ฉลองครบรอบ 70 ปี ราว 8 วัน เพื่อสร้างประสบการณ์ช็อปปิ้งและดึง ให้ลูกค้าเข้าซื้อสินค้าภายในร้าน พร้อมกันนี้ยังชะลอแผนการลงทุนขยายสาขา เจ้เล้ง สาขา 2 ราว 1,000 ล้านบาท

"เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี ประกอบกับการค้าการขายที่มีคู่แข่งเพิ่มเป็นจำนวนมาก การจะขยับหรือลงทุนต้องระมัดระวังไม่ให้เจ็บตัว ในส่วนของแบรนด์ไลลาของบริษัทเอง ก็ต้องชะลอการขยายไลน์สินค้าออกไปก่อน นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายทำตลาดต่างประเทศ ในกลุ่มอาเซียน อาทิ เมียนมา สปป.ลาว ในรูปแบบขายส่ง รายได้จึงเพิ่มเป็น 30-40% ส่วนการขายปลีก 60-70%"

นางอารียฉัตร กล่าวว่า ขณะนี้มุ่งสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเภทเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ในรูปแบบให้เช่า เป็นธุรกิจที่เข้ามาสร้างรายได้ทดแทน โดยแผน 2 ปี หรือปี 2559-2560 พัฒนาที่ดินย่านลาดกระบัง 100-200 ไร่ เฟสแรกลงทุน 1,000 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 2,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอพาร์ตเมนต์ 21 อาคาร มี 1,500 ห้อง เริ่มก่อสร้างแล้ว 30-40% คาดว่าแล้วเสร็จปลายปีหน้าและในปี 2565 ถึงจะคุ้มทุน

สำหรับเหตุผลที่รุกขยายอสังหาฯ เพราะวัสดุก่อสร้างมีราคาถูก เช่น เหล็กจาก 20 บาท/กก. เหลือเป็น 12 บาท/กก. ต้นทุนจึงถูก ในปี 2565-2566 วางแผนสร้างอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ บริเวณลาดกระบัง อีกทั้งยังมีที่ดินลำลูกกา พร้อมที่จะพัฒนาอสังหาทรัพย์ ส่วนรายได้ของร้านเจ้เล้งทั้งปีอยู่ที่ระดับพันล้านบาทหดตัวเล็กน้อย จากเมื่อปีที่ผ่านมารายได้ทรงตัว ตั้งเป้า 3 ปี รายได้อสังหาฯ สัดส่วน 50% ร้านเจ้เล้ง 50%