posttoday

สิงเทลซื้อหุ้นอินทัช4หมื่นล.

19 สิงหาคม 2559

สิงเทลซื้อหุ้นอินทัช 21% และหุ้นภารตีของอินเดียอีก 7.39% จากเทมาเซกหวังขยายตลาด เป็นผู้นำภูมิภาค

สิงเทลซื้อหุ้นอินทัช 21% และหุ้นภารตีของอินเดียอีก 7.39% จากเทมาเซกหวังขยายตลาด เป็นผู้นำภูมิภาค
         
สิงคโปร์ (ราว 4.07 หมื่นล้านบาท) จากเทมาเซก โฮลดิ้งส์ กองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ ที่ถือหุ้นอินทัชอยู่และจะเข้าถือหุ้นของอินทัช 21% เพื่อขยายการเข้าถึงตลาดสื่อสารภูมิภาค
      
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สิงเทลจะซื้อหุ้นของอินทัชเป็นเงินสดในราคา 60.83 บาท/หุ้น ขณะเดียวกันก็เข้าซื้อหุ้นของภารตี เทเลคอม บริษัทโทรคมนาคมในอินเดีย 7.39% ในราคา 235.62 รูปี/หุ้น จากเทมาเซกเช่นเดียวกัน โดยคิดเป็นมูลค่า 884 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ราว 2.28 หมื่นล้านบาท)

เจือ ซ็อก กุง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม (ซีอีโอ) ของ สิงเทล กรุ๊ป ระบุว่า ข้อตกลงเข้าซื้อหุ้นทั้งสองจะช่วยให้สิงเทลเข้าถึงตลาดธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคมและเข้ามาดำเนินธุรกิจใน 2 ประเทศ ซึ่งถือเป็นตลาดที่ยังมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกได้มาก

"ประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากในทั้งสองประเทศนี้ เป็นปัจจัยกระตุ้นธุรกิจโทรคมนาคมได้อย่างดี" กุง เสริม

ด้าน นิโคลัส เตี่ยว นักกลยุทธ์ของบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ เฟรเซอร์ ระบุว่า การเข้ามาขยายอิทธิพลทางธุรกิจในเอเชีย จะช่วยส่งเสริมให้สิงเทลกลายเป็นผู้ดำเนินการโทรคมนาคมในระดับภูมิภาคและในอนาคต สิงเทลอาจจะเป็นผู้ให้บริการโรมมิ่งในราคาที่เหนือกว่าคู่แข่ง รายอื่นๆ ในภูมิภาคได้

นอกจากนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้สิงเทลเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในไทยและอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการบริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอยู่ในช่วงขาขึ้น จากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟน โดย อินทัช เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส เครือข่ายมือถือของไทยรายใหญ่อันดับต้นในไทย ขณะที่ภารตีก็ถือหุ้นในภารตี แอร์เทล ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่อันดับ 1 ในอินเดีย

อย่างไรก็ดี ฟิลิป เฉิน ชอง ตัน ซีอีโอของอินทัช ระบุว่า กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่า อินทัชยังไม่ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวจาก ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

ทั้งนี้ สิงเทล ระบุว่า เข้ามาลงทุนในเอไอเอสและภารตีเมื่อปี 1999 โดยดำเนินการใน 18 ประเทศเอเชียใต้และแอฟริกา มีฐานลูกค้าราว 380 ล้านราย