posttoday

สามารถเล็งผนึกต่างชาติลงทุน3จี

16 สิงหาคม 2553

สามารถคอร์ปอเรชั่น เล็งผนึกพันธมิตรต่างชาติร่วมลงทุน 3จี คาดต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลรับงานภาครัฐฯ ผลักรายได้ทั้งปีเกินกว่าเป้าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

สามารถคอร์ปอเรชั่น เล็งผนึกพันธมิตรต่างชาติร่วมลงทุน 3จี คาดต้องใช้เม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลรับงานภาครัฐฯ ผลักรายได้ทั้งปีเกินกว่าเป้าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรต่างชาติอยู่ 2 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เอเชียต้า (AXIATA) ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นของบริษัทอยู่ 24% ส่วนอีกบริษัทหนึ่งไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ คาดว่าการเจรจาดังกล่าวจะเสร็จสิ้นลงภายใน 7 – 8 วันหลังจากนี้เพื่อร่วมลงทุนเข้าประมูลเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 3จี โดยบริษัทคาดว่ามูลค่าการลงทุนเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์จะต้องใช้งบเป็นเงินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท

สามารถเล็งผนึกต่างชาติลงทุน3จี

ทั้งนี้ หากการเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จบริษัทก็อาจจะไม่ประมูล แต่จะลงทุนเพื่อเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์ที่ไม่ได้วางโครงข่ายเอง หรือ เอ็มวีเอ็นโอ (MVNO (Mobile Virtual Network Operator)) แบบเต็มรูปแบบ เช่น การตั้งคอลเซ็นเตอร์ การจัดทำระบบการจ่ายค่าบริการ หรือ บิลลิ่ง ซึ่งจะใช้งบมากกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นให้บริการเอ็มวีเอ็นโอ ของเครือข่าย 3จี ทีโอทีอยู่แล้ว

“การจะดำเนินการประมูล 3จี หรือไม่สิ่งสำคัญที่สุดต้องดูเรื่องงบลงทุน เพราะต้องใช้งบลงทุนมหาศาล และมีความเสี่ยงสูง ส่วนการดำเนินการเป็นผู้ให้บริการ เอ็มวีเอ็นโอ เต็มรูปนั้น เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์แล้วจึงคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากที่บริษัทจะดำเนินการ เพราะปัจจุบันบริษัทมีลูกค้า เอ็มวีเอ็นโอ อยู่แล้วกว่า 9 หมื่นรายคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 แสนรายอย่างแน่นอน” นายวัฒน์ชัย กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในเครือที่อยู่ตลาดหุ้นได้แก่ บริษัท สามารถ เทเลคอม ในครึ่งปีนี้จะเดินหน้าประมูลงานของภาครัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ท่าอากาศยานไทย เป็นต้น เพราะในช่วงเดือน ต.ค.นี้งบประมาณปี 2554 จะนำออกมาใช้จ่ายได้ โดยบริษัทจะเน้นงานที่ให้รายได้ที่คงที่และสม่ำเสมอเพิ่มขึ้น 

บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย ในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายโทรศัพท์ไตรมาสละ 9 แสนเครื่อง โดยมี 8 – 9 หมื่นเครื่องเป็นรายได้จากต่างประเทศ ได้แก่การขายตรงไปยังประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย บาเรนห์ และประเทศในตะวันออกกลาง ส่วนประเทศเวียดนาม เนื่องจากผลประกอบการที่ไม่ดีบริษัทจึงตัดสินใจปิดการดำเนินการไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คาดว่าในครึ่งปีหลังของปีนี้จะมียอดขายใกล้เคียงกับครึ่งแรก ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายโทรศัพท์ของบริษัทอยู่ที่ 3.2 ล้านเครื่อง 

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนพัฒนาโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่สามารถใช้ระบบ 3จี ได้ ดังนั้นในครึ่งปีหลังนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวรูปแบบโทรศัพท์ ไอ-โมบาย ใหม่ที่สามารถใช้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ค และแอพพลิเคชั่นบนอินเตอร์เน็ตได้ โดยบริษัทคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้ราคาเริ่มต้นของโทรศัพท์สูงขึ้นจากปัจจุบันราคาเริ่มต้นเหลือ 1,900 บาท จากปีที่ผ่านมาที่ราคาเริ่มต้นที่กว่า 2,000 บาท

ส่วน บริษัท สามารถ โซลูชั่น ปีนี้คอลเซ็นเตอร์ ของบริษัทมีการเซ็นสัญญาดำเนินการงานเพิ่มขึ้นกว่า 9 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จากคอลเซ็นเตอร์จะอยู่ที่ 700 – 800 ล้านบาท จากปกติที่จะมีรายได้อยู่ที่ 500 – 600 ล้านบาท 

นายวัฒน์ชัย เผยต่อว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมามีรายได้รวม 4,355 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่มีกำไรสุทธิ 145 ล้าน เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สำหรับรายได้รวมในครึ่งปีแรกนี้พบว่ามีรายได้รวม 8,869 ล้านบาท เติบโต 8% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปีที่แล้วคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้โครงการที่เซ็นสัญญาใหม่และเก่าจะทยอยรับรู้รายได้และคาดว่าจะมากกว่าครึ่งปีแรก โดยจะเป็นไปตามเป้าหรือเกินกว่าเป้าที่วางไว้ที่เกือบ 2 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน