posttoday

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

23 มิถุนายน 2559

ลองขี่สองล้อขวัญใจจิ๊กโก๋ Royal Enfield Continental GT 500 & Classic Desert Storm

เรื่อง...ภรวิธ เศรษฐบุตร Managing Editor Rubbers Magazine

Royal Enfield แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสายการผลิตมายาวนานที่สุดในโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1901 จนถึงปัจจุบัน ก็ ประมาณ 115 ปี เป็นรถที่ถือกำเนิดที่ประเทศอังกฤษแต่ระยะหลังได้ย้ายฐานการผลิตไปที่ประเทศอินเดีย โดยบริษัท Eicher Motors Limited และความป๊อปฯ ของ Royal Enfield หรือ “RE” ก็เปล่งประกายออกมาด้วยยอดขายกว่า 450,000 คันทั่วโลกและตั้งเป้าว่าอีกไม่นานจะเพิ่มยอดขายเป็น 900,000 คันในอนาคตอันไกล้จากโรงงานทั้งสามแห่งแห่งในประเทศอินเดียและศูนย์พัฒนาด้านการออกแบบและเทคโนโลยีแห่งใหม่ในสหราชอาณาจักรนั้นน่าจะมีส่วนผลักดันไม่มากก็น้อย

ผมว่าเขาเอาจริง...

ถามว่าวันนี้ Royal Enfield เป็นรถที่ให้ความรู้สึกอย่างไรในการขับขี่ก็ต้องบอกว่าในบ้านเราคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสกันแบบเต็มๆ จนกระทั่งบริษัท เจเนอรัล ออโต้ ซัพพลาย จำกัด ได้เปิดตัว ศูนย์บริการเต็มรูปแบบและเป็นผู้นำเข้า “RE” รถสัญชาติอังกฤษที่มีตำนานอันยาวนานที่ถนนทองหล่อใจกลางเมืองกรุงเทพฯไม่นานมานี้

รถที่นำเข้ามาเพื่อคนไทยนั้นชิมลางด้วยตัวท๊อปสไตล์คาเฟ่เรเซอร์ Continental GT 535cc ที่หลายคนรอคอย รุ่น Classic Chrome และ Desert Storm 500cc ซึ่งเป็นแนววินเทจเก๋าๆ แนวสตรีทเรโทรและยุคหลังสงคราม และรุ่น Bullet 500cc ที่คงถือว่าเป็นเรโทรแท้ๆ เพราะไม่ได้มีการเปลี่ยนดีไซน์มานานมากกกกกกก

รถทั้งสามรุ่นเป็นเครื่องยนต์สูบเดียวเน้นการดูแลรักษาง่าย อึด ทน มีนิสัยคล้ายกันคือมีทอร์คต้นที่ให้แรงบิดดี แต่ความเร็วปลายไม่เน้น เขาชัดเจนครับเพราะรถที่ใช้ใต่เขาสูงชันไปยังเทือกเขาหิมาลัยในประเทศอินเดียล้วนแต่เป็น “RE” ของพวกเขาทั้งสิ้นและทางเหล่านั้นเท่าที่ทราบมามันไม่ใช่ถนนเสียส่วนมาก

เอาล่ะครับการก้าวเข้าสู่สังเวียนการต่อสู้แย่งชิงตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในบ้านเราที่กำลังร้อนระอุอยู่ขณะนี้ “RE” นั้นพยายามจะบอกอะไรผ่าน Rubbers Magazine กันแน่

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

Royal Enfield Classic 500cc

ชีวิตเริ่มต้นที่บริเวณถนน ธนะรัชต์ บริเวณรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพราะเป็นโค้งเขาให้ได้ทดสอบกัน ช่วงแรกผมได้ทดสอบ Classic Desert Storm ที่แอบบอกตัวเองว่าถ้าให้คะแนนถูกใจด้านดีไซน์ก็คงจะเป็นเจ้านี่แหละเพราะ ความเก๋าแบบทหารในทะเลทรายที่ยอมรับว่ายังไม่มีใครชัดเจนเท่าเขา

เดินสำรวจโดยรอบ นี่มันรถโบราณหรือเปล่าเนี่ย เพราะลุคแอนดืฟีลที่เป็นเหล็กทั้งคันกับสีด้านๆ นั้นมีสเน่ห์อย่างประหลาด ไฟหน้า ไฟหรี่นั้นเท่ห์แปลกตา หน้าปัดอ่านค่าง่ายๆ ไม่มีอะไร งานอาจจะดูไม่ค่อยเนี๊ยบมากแต่ผมกลับไม่ใส่ใจเรื่องนั้น อาจเป็นเพราะราคาที่เคาะมาเพียง 189,800 บาทกับรถอิมพอร์ตที่มีตำนานแบบนี้ ผมมองไปว่าหากได้มีการแต่งนิดหน่อย ถอดอะไหล่บางชิ้นเติมบางชิ้น งานนี้มีหล่อ

สตาร์ทเครื่องด้วยปุ่มสตาร์ตทำให้ใจชื้นขึ้น ไม่เหนื่อยแล้ว แต่ก็มีคันสตาร์ทเท้ามาให้ยามจำเป็น ต้องมีนะ ไม่มีไม่ได้ ไม่ขลัง

ท่านั่งค่อนข้างสบาย ระบบเบรคอะไรไม่รู้ ผมไม่สนใจ เบรคได้เป็นพอ เดินเครื่องออกไปตามทางที่กำหนดให้ อาการสะท้านมีให้เห็น และมีให้เห็นมากจนมือชาเมื่อความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สุดท้ายก็วิ่งตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดคือ 80 ครับ ถ้าจะแซงก็รับมือกับอาการสั่นสักพัก ลากไปได้ 120 ทุกคนก็ลงมาทำตามกฏระเบียบเป๊ะทุกคัน

เทสไรด์ คราวนี้ผมไม่ว่ากันเรื่องสเปคนะครับแต่มาว่ากันด้วยอารมณ์ซึ่งน่าจะเหมาะกว่า

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

Royal Enfield Continental GT 535cc

ช่วงที่สองที่ทุกคนรอคอยกับคาเฟ่เรเซอร์ตัวน้อยๆ ที่ดูคอมแพคสมส่วน ถังน้ำมันสไตล์สปอร์ทคลาสสิคพร้อมแฮนด์จับโช๊คกับตูดมดที่ให้มาครบสูตรแทบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม แน่นอนท่านั่งที่แตกต่างกับ Classic โดยสิ้นเชิงเพิ่มความเก๋าในตัวได้อีกมากโข ซีซีที่มากกว่า Classic นิดหน่อยให้พละกำลังเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเมื่อเทียบกับรุ๋น Classic หน้าปัดถูกออกแบบมาให้เข้ากับสไตล์ของรถ งานเนี๊ยบๆ ในการผลิตยังต้องพัฒนาเพิ่มถ้าทำได้จะดีเยี่ยม

สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจมากก็คืออารมณ์ของเครื่องยนต์แทบไม่ต่างกับรุ่น Classic มีท่านั่งที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น เอาตรงๆ อยากให้เครื่องยนต์ของ Continental GT นั้นจี๊ดจ๊าดกว่านี้สักนิด มีขัดใจก็เรื่องนี้ ที่เหลือคือรูปทรงสัดส่วนของรถนั้นทำได้ค่อนข้างดี ด้านข้างมองแล้วหล่อสุดๆ วิวด้านหลังเมื่อขี่ตามจะเห็นได้ว่าความคอมแพคของ GT นั้นส่งผลให้บั้นท้ายดูเล็กไปนิด ว่าไปแล้วเหมาะกับคนตัวไม่สูงมาก ฟันธงว่า ใครสูงเกิน 180 เซนติเมตรหรืออ้วนมากๆ รถจะดูเล็กเกินไปขี่แล้วดูไม่สวย

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

Royal Enfield Bullet 500cc

Bullet นั้น เครื่องยนต์ไม่แตกต่างกับ Classic เลย มีเรื่องของเบาะที่หนานุ่มกว่าและแฮนด์บาร์ที่มีตำแหน่งที่ต่างกันออกไป Bullet จะทะมัดทะแมงกว่า สปอร์ทกว่านิดๆ และการออกแบบนั้นเน้นไปในการใช้งานเสียมากกว่า เน้นๆ คือเอาไว้เดินทางไกลได้ ที่เหลือ เหมือน Classic เลยครับ

ดูเหมือนจะง่ายที่จะเขียนการทดลองขับขี่รถทั้งสามคันนี้ในวันเดียว แต่มันไม่ง่ายเลย ผมไม่อยากพูดถึงสเปครถมากเพราะมันไม่มีอะไร มันเบสิคมากๆ ไม่มีคำว่า “Performance” มากับทั้งสามรุ่น แต่มันใช้งานได้ดีตามที่ให้มากับรถ

ในมุมมองของผมมันคือ “แฟชั่น” มากกกว่า “ถ้าคุณไม่มีใจรักคำว่า "คลาสสิค" คุณจะไม่อินกับ Royal Enfield”

จะสนุกกับ “RE” คุณจะต้องรักการแต่งตัว ไม่ควรสนใจเรื่องความแรงของรถ ความภูมิใจของเจ้าของรถน่าจะมาจากเรื่องราวในตำนานต่างๆ ของ “RE” แค่การที่พวกเขาอยู่ในสายการผลิตยาวนานต่อเนื่องกันเป็นเวลานานที่สุดในโลกของรถมอเตอร์ไซค์ด้วยแล้ว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีค่าพอที่จะตัดสินใจเป็นเจ้าของมัน

มีอีกมุมหนึ่งที่ผมมองนั่นคือวันนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ของ “RE” เพราะจากข่าวที่ออกมาเรื่องศูนย์วิจัยและพัฒนาแห่งใหม่ในประเทศอังกฤษที่เปิดดำเนินการแล้วโดยการดึงตัวนักออกแบบชั้นนำของโลกในยุคนี้เข้ามาอยู่ในสังกัดบอกกับผมว่าอีกไม่นานเราน่าจะเห็น Royal Enfield ในอนาคตที่มาพร้อมการออกแบบที่ช๊อคโลกและมี Performance ที่ดีขึ้นตอบโจทย์อีกโจทย์หนึ่งที่หายไปได้เป็นอย่างดี

วันนั้นแหละ Royal Enfield จะครองใจคนทั้งโลกได้ไม่ยาก

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

 

ลองขี่ "Royal Enfield" ตำนานความคลาสสิคจากอังกฤษ

SPECIFICATION

Classic Desert Storm 500cc

ENGINE
Type Single Cylinder, 4 stroke,Twinspark
Displacement 499cc
Bore x stroke 84mm x 90mm
Compression Ratio 8.5:1
Maximum Power 27.2 bhp @ 5250 rpm
Maximum Torque 41.3 Nm @ 4000 rpm
Ignition System Digital Electronic Ignition
Clutch Wet, multi-plate
Gearbox 5 Speed Constant Mesh
Lubrication Wet sump
Engine Oil 15 W 50 API, SL Grade JASO MA
Fuel Supply Keihin Electronic Fuel Injection
Air Cleaner Paper Element
Engine Start Electric/Kick
CHASSIS & SUSPENSION
Type Single downtube, using engine as stressed member
Front suspension Telescopic, 35mm forks, 130mm travel
Rear suspension Twin gas charged shock absorbers with 5-step adjustable preload, 80mm travel
DIMENSIONS
Wheelbase 1370 mm
Ground Clearance 135 mm
Length 2180 mm
Width 800 mm
Height 1080 mm (Domestic) 1050 mm (Export)
Kerb Weight 187 Kg (with 90% Fuel & Oil)
Fuel Capacity 14.5 ± 1 Ltr
BRAKES & TYRES
Tyres Fr. 90/90 - 19(Domestic), 90/90 - 18(Export)
Tyres Rr. 120/80 - 18(Domestic), 110/80 - 18(Export)
Brakes Front 280mm Disc, 2-Piston caliper
Brakes Rear 153mm Drum, Single Lead Internal Expanding
ELECTRICALS
Electrical System 12 volt - DC
Battery 12 volt, 14 Ah
Head Lamp 60 W / 55 W, HALOGEN
Tail Lamp 21 W / 5 W
Turn Signal Lamp -

___________________________________________________

Continental GT

ENGINE
Type Single Cylinder, 4 stroke, Air cooled
Displacement 535 cc
Bore x stroke 87mm x 90mm
Compression Ratio 8.5:1
Maximum Power 29.1 bhp (21.4 kW) @ 5100 rpm
Maximum Torque 44 Nm @ 4000 rpm
Ignition System Digital Electronic Ignition
Clutch Wet, multi-plate
Gearbox 5 Speed Constant Mesh
Lubrication Wet sump
Engine Oil 15 W 50 API, SL Grade JASO MA
Fuel Supply Keihin Electronic Fuel Injection
Air Cleaner Paper Element
Engine Start Electric & Kick
CHASSIS & SUSPENSION
Type Twin downtube cradle frame
Front suspension Telescopic, 41mm forks, 110mm travel
Rear suspension Paioli,Twin gas charged shock absorbers with adjustable preload, 80mm travel
DIMENSIONS
Wheelbase 1360 mm
Ground Clearance 140 mm
Length 2060 mm
Width 760mm ( Without Mirrors)
Seat Height 800mm
Height 1070mm ( Without Mirrors)
Kerb Weight 184 Kgs
Fuel Capacity 13.5 Ltrs
BRAKES & TYRES
Tyres Fr. 100/90-18, 56 H Pirelli Sport Demon
Tyres Rr. 130/70-18, 63 H Pirelli Sport Demon
Brakes Front Brembo 300mm Floating disc, 2-Piston floating caliper
Brakes Rear 240mm Disc, Single piston floating caliper
ELECTRICALS
Electrical System 12 volt - DC
Battery 12 volt, 14 Ah
Head Lamp 12V H4 60 / 55 W
Tail Lamp 12V 21W/5W

___________________________________________________

Bullet 500cc

ENGINE
Type Single Cylinder, 4 stroke, Twinspark, Aircooled
Displacement 499cc
Bore x stroke 84mm x 90mm
Compression Ratio 8.5:1
Maximum Power 26.1 bhp @ 5100 rpm
Maximum Torque 40.9 Nm @ 3800 rpm
Ignition System TCI Unit, Multi curve
Clutch Wet, multi-plate
Gearbox 5 Speed Constant Mesh
Lubrication Wet sump
Engine Oil Oil 15 W 50 API, SL Grade JASO MA
Fuel Supply Carburettor with throttle position sensor
Air Cleaner Corrugated Paper Element
Engine Start Electric/Kick
CHASSIS & SUSPENSION
Type Single downtube, using engine as stressed member
Front suspension Telescopic, 130mm travel
Rear suspension Twin gas charged shock absorbers, 80mm travel
DIMENSIONS
Wheelbase 1370 mm
Ground Clearance 135 mm
Length 2140 mm
Width 810 mm (Without Mirror)
Height 1110 mm (Without Mirror)
Kerb Weight (with 90% Fuel ) 193 Kg
Fuel Capacity 13.5 Ltr
BRAKES & TYRES
Tyres Fr. 90/90 - 19
Tyres Rr. 120/80 - 18
Brakes Front 280mm Disc, 2-Piston caliper
Brakes Rear 153mm Drum, Single Lead Internal Expanding
ELECTRICALS
Electrical System 12 volt - DC
Battery 12 volt, 14 Ah
Head Lamp 60/55 W, HALOG
Tail lamp 12V, 21W/5W

Credit: Rubbers Magazine