posttoday

อาร์เอสลดเสี่ยงธุรกิจสื่อตั้ง 'ไลฟ์สตาร์' ลุยความงาม

14 มิถุนายน 2559

ธุรกิจความงามในประเทศไทยยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทุกปีเฉลี่ย 6-8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท

โดย...จะเรียม สำรวจ

ธุรกิจความงามในประเทศไทยยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทุกปีเฉลี่ย 6-8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ามูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายและอื่นๆ

สำหรับในปีนี้คาดการณ์กันว่า ธุรกิจความงามจะมีอัตราการเติบโตอยู่ 6-8% เช่นกัน แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัว แต่เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองให้ดูดีและสวยงามโดยเฉพาะผู้หญิง บริษัท อาร์เอส จึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำธุรกิจความงามด้วยการใช้งบ 100 ล้านบาท ในการตั้งบริษัท ไลฟ์สตาร์ เพื่อดำเนินธุรกิจสุขภาพและความงามโดยเฉพาะ เพื่อเข้ามาช่วยเสริมรายได้ให้กับธุรกิจสื่อที่มีการแข่งขันรุนแรง และมีแนวโน้มการเติบโตและทากำไรได้น้อยกว่า

พรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์เอส กล่าวว่า สินค้าสุขภาพและความงามที่เตรียมนำเข้ามาทำตลาดมีด้วยกัน 8 แบรนด์สินค้า ประกอบด้วย มาจีค, กราวีธัส, รีไวฟ์, โนเบิล ไวท์, เคลียร์ เอ็กซ์เปิร์ต, ไทม์แคปซูล, เพียร่า และสลิคซ์ ซึ่ง 4 แบรนด์แรกที่จะเปิดตัวเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง คือ มาจีค ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับกลุ่มผู้บริโภคอายุ 30-45 ปี ตามด้วยกราวีธัส ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับผู้บริโภคอายุ 45 ปีขึ้นไป แบรนด์รีไวฟ์ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับผู้บริโภคอายุ 30 ปีขึ้นไป และโนเบิลไวท์ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าสำหรับผู้บริโภคอายุ 20-30 ปี

หลังจากเริ่มนำสินค้าเข้ามาทดลองตลาดตั้งแต่ปลายปี 2557 ด้วยการจำหน่ายผ่านรายการทีวีในเครือ ทำให้อาร์เอสพบว่าธุรกิจดังกล่าวมีศักยภาพ ดังนั้นในปีนี้อาร์เอสจึงมีแผนที่จะนำสินค้าขยายเข้าไปในช่องทางห้างค้าปลีกอย่างร้านวัตสัน และร้านอีฟแอนด์บอย รวมไปถึงร้านค้าด้านความงามทั่วไป เพื่อให้สินค้ากระจายครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ขณะเดียวกันจะใช้งบ 200 ล้านบาท ในการสร้างแบรนด์สินค้าและทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก โดยในส่วนของสื่อที่จะใช้ในการทำตลาดจะมีทั้งในส่วนของสื่อ ฟรีทีวี สื่อนอกบ้าน และสื่อออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ รวมไปถึงบล็อกเกอร์ต่างๆ ที่จะมาช่วยสร้างแบรนด์สินค้า เนื่องจากคนไทยให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์มากขึ้น

ปัจจุบัน อาร์เอสมีสินค้าความงามเข้าทำตลาดกว่า 20 รายการ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 300 บาท จนถึงกว่า 1,000 บาท เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลางขึ้นไป ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง โดยในส่วนของแบรนด์มาจีค ได้มาช่า วัฒนพานิช มาเป็นพรีเซนเตอร์ ขณะที่แบรนด์กราวีธัส ได้ต่าย-เพ็ญพักตร์ ศิริกุล มาเป็นพรีเซนเตอร์ และแบรนด์รีไวฟ์ ได้เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ มาเป็นพรีเซนเตอร์ บริษัทคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้อยู่ที่ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่มีรายได้ 200 ล้านบาท และในปี 2560 คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท

ขณะที่รายได้รวมของอาร์เอสสิ้นปีนี้ยังมั่นใจว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจสื่อ 70% ความงาม 30% ส่วนปี 2560 คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจสื่ออยู่ที่ 50% และธุรกิจความงาม 50% เนื่องจากธุรกิจความงามมีการขยายตัวดีกว่าธุรกิจสื่อ และมีกำไรทางธุรกิจดีกว่า ซึ่งในอนาคต อาร์เอสมีแผนที่จะขยายธุรกิจความงามเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาดและเจรจากับพันธมิตร

ถือเป็นการแตกไลน์ข้ามธุรกิจจากสื่อไปสู่ธุรกิจความงาม โดยใช้สื่อและศิลปินในมือเป็นบันไดก้าวสู่ความสำเร็จในธุรกิจความงามอย่างน่าสนใจ