ประจินย้ำรัฐพร้อมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

"ประจิน" ย้ำ รัฐทุ่มเงิน 2 หมื่นลบ.ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มั่นใจปี 60 คนไทยได้ใช้เน็ตเร็วสูงทั่วถึง พร้อมจูงใจต่างชาติลงทุนไทยดันจีดีพีขยายตัว

พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กลายปาฐกถาพิเศษเรื่อง "นโยบายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์" ภายในงานสัมมนาและแสดงนิทรรศการนานาชาติ ดิจิทัลไทยแลนด์ 2016 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมาก โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่สามารถนำไปสนับสนุนใช้กับภาคต่างๆ ได้ทั้ง ภาคการศึกษา การติดต่อสื่อสาร การแพทย์สาธารณสุข การเงิน การบริการและการค้าขาย ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแผนงานชัดเจนที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะใช้งบประมาณรวมกว่า 2.37 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ในการลงทุนวางโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ทั่วประเทศ และอีก 5,000 ล้านบาท ในการดูแลโครงข่ายเชื่อมต่อทั้งในและต่างประเทศ ส่วนอีก 3,700 ล้านบาท ใช้ในการพัฒนาข้อมูลดาต้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

"ทั้งหมดนี้จะเริ่มลงทุนตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้ และเชื่อมั่นว่าถึงเดือนมิ.ย.2560 คนไทยจะมีโอกาสได้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั่วประเทศ โดยอยากจะใช้โอกาสนี้เชิญชวนผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในธุรกิจดิจิทัล เพราะแสดงให้เห็นแล้วว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจริง และมันจะเกิดผลแน่นอน" พลอากาศเอกประจิน กล่าว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีนักลงทุนที่มีศักยภาพด้านธุรกิจและเทคโนโลยีดิจิทัลแสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุนในไทยหลายราย เช่น จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและรัสเซีย เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพในการเป็นจุดเชื่อมต่อของภูมิภาคอาเซียน

พลอากาศเอกประจิน กล่าวต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังหาสิทธิประโยชน์ในการจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลในไทย โดยจะมีทั้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ เรื่องการขอใบอนุญาตการทำงาน และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษดิจิทัล เป็นต้น ซึ่งเมื่อเกิดการลงทุนก็จะเกิดการจ้างงานตามมา และทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยสามารถทำการผลิตป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมหลักได้ ซึ่งสุดท้ายเศรษฐกิจก็จะวนเข้าสู่ประเทศในทุกระดับชั้น ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศไทยให้เติบโตขึ้น

"เชื่อว่า เมื่อเม็ดเงินการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลเริ่มลงไปเมื่อไหร่ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น และยิ่งเมื่อมีการลงทุนจากภาคเอกชนเกิดขึ้นก็จะทำให้จีดีพีของไทยขยายตัวสูงขึ้นแน่นอน ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ตัวเลขอีกครั้งว่าจะส่งผลต่อจีดีพีให้บวกขึ้นเท่าไหร่" พลอากาศเอกประจิน กล่าว

ด้านนายอีวาน ฮวง ผู้จัดการอาวุโสจากหัวเว่ย กล่าวว่า มีการศึกษาว่า การมีเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) ที่ดีจะทำให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตขึ้นอย่างน้อย 0.7-4.2% ซึ่งถือว่าไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย จึงไม่แปลกที่เวลานี้หลายๆ ประเทศกำลังมุ่งไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะในมุมมองของภาคอุตสาหกรรมมองว่า ดิจิทัลจะเป็นตัวการปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลก เช่นเดียวกับจีนที่หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้สินค้าและบริการต่างๆ เข้าสู่ระบบดิจิทัล ซึ่งทำให้จีดีพีของจีนเพิ่มขึ้นถึง 3.3%