ทีวีดิจิทัลชี้โยกไลเซนส์ ไม่ยุติธรรม

ช่อง 3 โวยเปลี่ยนมือไลเซนส์ทีวีดิจิทัลไม่ยุติธรรมกับรายเดิม พีพีทีวีเชื่อเปลี่ยนยากมือใหม่ไม่กล้าลงทุน

นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ รองกรรมการผู้จัดการและปฏิบัติหน้าที่แทนรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ เปิดเผยว่า กรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติเห็นชอบให้เสนอแก้ไข พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ พ.ศ. 2553 มาตรา 43 ที่ระบุใบอนุญาตถือเป็นสิทธิเฉพาะไม่สามารถโอนเปลี่ยนมือได้เป็นสามารถโอนเปลี่ยนมือได้นั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยยุติธรรมกับผู้ประกอบการรายเก่า เนื่องจากกฎหมายที่ร่างไว้ในตอนแรกไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทั้ง 24 ช่องเปลี่ยนมือการถือใบอนุญาตได้ ซึ่งหากใครไม่เข้าประมูลก็ไม่มีสิทธิที่การทั้ง 24 ช่องเปลี่ยนมือการถือใบอนุญาตได้ ซึ่งหากใครไม่เข้าประมูลก็ไม่มีสิทธิที่จะถือใบอนุญาตทีวีดิจิทัล

นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง ผู้บริหารช่องพีพีทีวี เอชดี กล่าวว่า ประกาศของ กสทช.ที่ให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลสามารถเปลี่ยนมือได้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ กสทช.ยังมีเมตตากรุณาต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล แต่อย่างไรก็ตามประกาศดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน เช่น เปลี่ยนชื่อให้กับผู้ทำสัญญารายใหม่เลยหรือเปล่า และคู่สัญญาจะต้องเข้ามาถือหุ้นได้กี่เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น

"จากความไม่ชัดเจนเชื่อว่าจะทำให้การเปลี่ยนมือไลเซนส์เกิดได้ยาก เนื่องจากทีวีดิจิทัลเป็นธุรกิจที่มีเงินออกทุกวันแต่มีเงินเข้าน้อยมาก ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาหลายคนก็เริ่มจะมองเห็นทิศทางของทีวีดิจิทัลแล้ว" นายเขมทัตต์ กล่าว

นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ กล่าวว่า การที่ กสทช.ออกมาประกาศให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลสามารถเปลี่ยนมือได้มองว่าน่าจะเป็นการประนีประนอมให้กับผู้ประกอบการที่ไปไม่ไหวให้มีโอกาสไปต่อได้