เตือนตกงานเพิ่มครึ่งปีหลัง

เอกชนประเมินครึ่งปีอัตราว่างงานจะสูงถึง 1.1-1.2% หลังการส่งออกและการลงทุนในประเทศชะลอตัว

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวและมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในขณะนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการผลิตและการลงทุนในประเทศ โดยล่าสุดการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่เฉลี่ย 60-63% และการจ้างงานใหม่ในระบบมีทิศทางชะลอตัวลง

"แนวโน้มอัตราการว่างงานของคนไทยที่ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 0.92-1% จะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็น 1.1-1.2% ได้ ส่วนหนึ่งมาจากเด็กจบการศึกษาใหม่ที่จะเข้ามาในระบบช่วง มี.ค.-เม.ย. 2559 โดยเฉพาะระดับปริญญาตรีสายสังคมที่ตลาดแรงงานต้องการต่ำ และด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวยนัก ทำให้แทบไม่มีการจ้างงานใหม่ในกลุ่มนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการจ้างแรงงานมาทดแทนแรงงานเดิมที่ออกไปมากกว่า" นายธนิต กล่าว

นายธนิต กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานใหม่เข้าสู่ระบบเฉลี่ย 5.8 แสนคน/ปี แต่จะพบว่าเป็นแรงงานที่จบการศึกษาระดับปริญญาประมาณ 3 แสนคน/ปี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นกลุ่มผู้จบปริญญาสายสังคมเป็นจำนวนมากและมีอัตราว่างงานสูง

สำหรับผู้ที่จบการศึกษาสายอาชีวะ ระดับ ปวช.และ ปวส. ที่มีประมาณ 1.2 แสนคน/ปี จะเห็นได้ว่าแรงงานส่วนใหญ่จะเข้าสู่ระบบการจ้างงานได้ทันที แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะสาย ปวช. ที่ตลาดมีความต้องการมาก แต่มีแรงงานเข้าสู่ระบบจริงเพียง 20% เนื่องจากผู้จบการศึกษาส่วนใหญ่จะเรียนต่อ ส่งผลให้ภาพรวมในตลาดแรงงานไทยมีทั้งส่วนที่ขาดและเกินความต้องการ

นายธนิต กล่าวว่า ตลาดแรงงานไทยในระดับล่างมีแนวโน้มหันไปใช้แรงงานต่างด้าวมากขึ้น เพราะแรงงานคนไทยไม่ยอมทำงานในระดับล่างแม้จะมีการขาดแคลนแรงงานก็ตาม โดยปัจจุบันมีการจ้างแรงงานต่างด้าวในระบบเกือบ 3 ล้านคน และจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้การว่าจ้างแรงงานต่างด้าวในตลาดล่างอยู่ในภาวะทรงตัว

แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า การส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1-2% และจะทำให้การลงทุนในภาพรวมยังคงต่ำ เพราะต้องใช้อัตรากำลังการผลิตเดิมให้ได้ก่อน ประกอบกับแรงซื้อในประเทศชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ หากสถานการณ์เศรษฐกิจครึ่งปีแรกยังคงไม่ดีขึ้นครึ่งปีหลังอาจเห็นการปลดคนงานโดยเฉพาะในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

"แม้ว่าขณะนี้ผู้ประกอบการพยายามรักษาคนงานไว้ แต่ก็ไม่รับเพิ่ม หากการส่งออกยังชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่ดีนัก ก็มีแนวโน้มว่าการจ้างงานจะน้อยลงหรืออาจมีการเลิกจ้างบางส่วน ซึ่งผู้ประกอบการและลูกจ้างก็ต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ตลอดเวลา" แหล่งข่าวระบุ