'พี.เอฟ.พี.'ดิ้นสู้ตลาดทรงตัว

อาหารแช่แข็งสำเร็จรูปไม่โต พี.เอฟ.พี. ดิ้นแตกไลน์สินค้าใหม่ดันรายได้

นายทวี ปิยะพัฒนา ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม บริษัท พี.เอฟ.พี. ผู้ดำเนินธุรกิจธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็งแบรนด์ พี.เอฟ.พี. เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปมูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท ในปี 2559 คาดว่าจะไม่มีอัตราเติบโตเหมือนปี 2558 ที่ทรงตัวเช่นกัน ทั้งกลุ่มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานมูลค่า 8,000 ล้านบาท และตลาดอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปพร้อมปรุง มูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กลุ่มผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่าย

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวกลุ่มธุรกิจสแน็กบ็อกซ์ หรืออาหารแปรรูปรับประทานเล่น ในช่วงเดือน ม.ค. เพราะเป็นตลาดใหญ่มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท และมีการเติบโต 15-20% จากพฤติกรรมของผู้บริโภคเริ่มกินระหว่างมื้ออาหารเพิ่มขึ้น หรือจากกิน 3 มื้อมาเป็นการกินถึง 5 มื้อ ในเบื้องต้นจะจำหน่ายสแน็ก บ็อกซ์ในรูปแบบแคเทอริ่ง หรือบริการจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ งานสัมมนา หากได้รับการตอบรับดีจะขยายไปยังช่องทางอื่นๆ เพิ่มขึ้นในช่วงกลางปี 2559 โดยปัจจุบันสแน็ก บ็อกซ์มีการแข่งขันอย่างรุนแรง โดยมีผู้นำตลาดคือกลุ่มซีพี

"ตลาดอาหารสำเร็จรูปต้องเผชิญกับปัจจัยลบภายในประเทศต่อเนื่อง จึงต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศในกลุ่มปลาทะเล อาหารทะเล ซึ่งค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนแตะ 38 บาท/เหรียญสหรัฐ ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งส่งออกให้มากขึ้น เพราะการจำหน่ายภายในประเทศจะได้กำไรน้อยกว่าตลาดต่างประเทศ สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทเดินหน้าขยายตลาดตะวันออกกลางและยุโรป"

สำหรับรายได้ของบริษัท ปี 2559 ตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อย 15% หรือแตะ 5,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการส่งออก 40% วางเป้าหมายเติบโต 20% จากปกติเติบโต 10-15% เพื่อทดแทนรายได้ภายในประเทศที่อาจเติบโตได้น้อย จากปัจจุบันมีสัดส่วน 60%