posttoday

"เอ็กซ์ เทรล ไฮบริด" สัมผัสเทคโนโลยีใหม่จากนิสสัน

22 ธันวาคม 2558

ความฉลาดล้ำของเทคโนโลยีใหม่เอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสันนั้น รวมถึงความคุ้มค่าลงตัวของราคา ทำให้เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

คล้อยหลังเพียงไม่นานหลังจากเปิดตัว “นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด” มาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2558 จนกระทั่งเข้าสู่งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 (มอเตอร์เอ็กซ์โป) สามารถทำยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 2,000 คัน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5,000 คันในปีแรก

นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของนิสสัน ที่ได้ใส่มาในรถยนต์อเนกประสงค์ (เอสยูวี) คันนี้ ในรูปแบบเฉพาะตัวคือ เทคโนโลยี คลัตช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System) ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสัน

จุดเด่นของเทคโนโลยีดังกล่าวคือการผสานเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร ไดเรกต์อินเจกชั่น ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งการทำงานของคลัตช์คู่นั้นโดดเด่นกระทั่งนิสสันเคลมไว้ว่า สามารถวิ่งด้วยระบบไฮบริดบนความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. ซึ่งถูกควบคุมโดยสมองกลอัจฉริยะ ไฮบริด พาวเวอร์เทรน คอนโทรล โมดูล

สำหรับหน้าตาการออกแบบภายนอกนั้นไม่แตกต่างจากนิสสัน เอ็กซ์เทรลเดิม มีที่เพิ่มเติมคือ เส้นสีฟ้าที่บ่งบอกว่าเป็นรุ่นไฮบริด นอกนั้นล้วนแล้วแต่เหมือนกับรุ่นปกติทุกอย่าง ส่วนที่แปลกไปภายในห้องโดยสารคือ เบาะที่นั่งแถวที่ 3 ถูกนำออกไปเนื่องด้วยต้องนำพื้นที่ไปใส่แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน แทน

ขุมพลังเครื่องยนต์ในเอสยูวีรักษ์โลกคันนี้มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว Twin C-VCT ไดเรกต์อินเจกชั่น ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตัน-เมตร ซึ่งกำลังสูงสุดรวมของรถอเนกประสงค์คันนี้อยู่ที่ 179 แรงม้า

จากที่ได้ลองสัมผัสดูแล้วนั้นต้องบอกเลยว่า เมื่อกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์อาจจะต้องสงสัยอยู่บ้างว่าเครื่องยนต์ติดหรือยังเพราะความเงียบ กระทั่งต้องเหลือบตามองลงไปที่มาตรวัดเห็นไฟแสดงการทำงานจึงมั่นใจได้ว่าเครื่องพร้อมแล้ว จึงเริ่มกดคันเร่งลงไปไล่ระดับความเร็วจนมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้ถึงความเร็วราว 30-40 กม./ชม. จึงตัดไปที่เครื่องยนต์ทำงาน

"เอ็กซ์ เทรล ไฮบริด" สัมผัสเทคโนโลยีใหม่จากนิสสัน

เมื่อเข้าสู่ความเร็วกลางและความเร็วปลายนั้น การทำงานดังกล่าวจะมีตัวแปรสำคัญหลายอย่างในการทำงานของระบบไฮบริด อาทิ สภาพอากาศ ปริมาณไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ลักษณะการขับขี่ เป็นต้น

สิ่งสำคัญที่นิสสันพยายามจะสื่อสารออกมาให้ได้รับรู้ของ ระบบไฮบริดนิสสัน เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์มากกว่าการประหยัด อย่างที่เราๆ ท่านๆ เคยเข้าใจกันมา เพราะจุดขายอย่างหนึ่งที่ชูให้เห็น ได้แก่ การที่ระบบไฮบริดจะสามารถเข้ามาช่วยทำงานได้แม้จะอยู่ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.

แต่การที่จะทำให้ระบบไฮบริดเข้ามาช่วยทำงานในความเร็วดังกล่าวนั้นพูดเลยว่า ยาก!! เพราะต้องถอนเท้าออกจากคันเร่งและจากนั้นหากต้องการให้ระบบไฮบริดทำงานอยู่ก็ต้องใช้ความสามารถเท้าเทพที่ต้องนิ่งมากคอยประคองไว้ ซึ่งเห็นภาพชัดขึ้นเมื่อนิสสันให้ลองขับขี่ในเส้นทางขึ้น-ลงเขาต่อเนื่อง เพราะเมื่อช่วงทางลงระบบไฮบริดเข้ามาทำงานทันทีตรงข้ามกับขาขึ้นที่ระบบไฮบริดจะเข้ามาช่วยเสริมแรงทำงานของเครื่องยนต์

"เอ็กซ์ เทรล ไฮบริด" สัมผัสเทคโนโลยีใหม่จากนิสสัน

ส่วนช่วงความเร็วสูงมีการตอบสนองที่ดีเห็นได้ถึงการผสานพลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า หากแต่เสียงหวีดที่ดังลอดเข้ามาในห้องโดยสารแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยของการรีดความเร็วจากเครื่องยนต์เกินขนาด ด้านช่วงล่างนั้นก็สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีสบายใจหายห่วง

จะว่าไปการเข้ามาของรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดของนิสสัน เอ็กซ์เทรล นั้น ด้วยผลรวมของการขับขี่แล้วไม่หนีไม่แพ้กับรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร เลยทีเดียว ทำให้เชื่อได้ว่าหลังจากนี้มีความเป็นไปได้ที่ นิสสันอาจพิจารณาชูธงให้เครื่องยนต์ไฮบริด ในรถอเนกประสงค์คันนี้ มาแทนที่ เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเดิมได้เป็นแน่แท้ เนื่องด้วยราคารุ่นไฮบริดที่เริ่มต้นอยู่ที่ 1.249-1.395 ล้านบาท ถูกกว่ารุ่น 2.5 ลิตรที่อยู่ที่ 1.51 ล้านบาท

ไม่เท่านั้น ความฉลาดล้ำของเทคโนโลยีใหม่เอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสันนั้น รวมถึงความคุ้มค่าลงตัวของราคา ทำให้เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

"เอ็กซ์ เทรล ไฮบริด" สัมผัสเทคโนโลยีใหม่จากนิสสัน