แลคตาซอยเล็งผุดรง.ลดเสี่ยงแล้ง

แลคตาซอยเล็ง 3 ปี ผุดโรงงานที่ 3 ซุ่มหาพื้นที่ลดเสี่ยงแล้ง เร่งขยายตลาดใน-นอก 5 ปี แตะ2หมื่นล.

นายกมล ลิขิตกาญจนกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย ผู้ผลิตและจำหน่ายนมถั่วเหลืองแลคตาซอย เปิดเผยว่า จากภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการตั้งโรงงานใหม่ โดยโรงงานแห่งที่ 3 ที่คาดว่าจะลงทุนในอีก 3 ปีจากนี้จะย้ายไปตั้งในภาคอีสานตอนบนหรือภาคกลาง เป็นการลดความเสี่ยงจากการใช้น้ำและไฟฟ้าที่มากเกินไป เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงงานแห่งแรกของบริษัทตั้งอยู่ที่ จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 200 ไร่ มีกำลังการผลิตเต็มที่แล้ว 2,000 ล้านกล่อง/ปี ล่าสุดอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในพื้นที่เดียวกันซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ปี 2559 ใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 1,000 ล้านกล่อง/ปี คาดว่าจะรองรับแผนขยายตลาดได้อีก 2 ปี ก่อนขยายโรงงานแห่งที่ 3 ที่คาดว่าต้องลงทุนอีก 600-700 ล้านบาท

"โรงงานถ้าใหญ่มากไปการใช้น้ำใช้ไฟมากไปอาจทำให้เกิดปัญหาได้ เราจึงต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการหาทำเลที่ตั้งโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งในพื้นที่ภาคอีสานเป็นภาคที่มียอดขายสูงสุดกว่า 50% จากพื้นที่ขายทั่วประเทศ" นายกมล กล่าว

สำหรับการขยายกำลังการผลิต ดังกล่าว เพื่อรองรับแผนขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย

เฉพาะตลาดอาเซียนหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่ปัจจุบันแลคตาซอยเข้าทำตลาดแล้วในเมียนมา ลาว กัมพูชา และจะขยายให้ครบทุกประเทศในเออีซี คาดว่าจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มจาก 10% เป็น 30% ภายใน 3-5 ปีนับจากนี้ และคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มจาก 1.1 หมื่นล้านบาทในปีนี้เป็น 1.8-2 หมื่นล้านบาท ภายใน 5 ปี

ขณะที่ตลาดในประเทศ ปัจจุบันแลคตาซอยเป็นผู้นำตลาดนมถั่วเหลืองมูลค่า 1.85 หมื่นล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งตลาด 55% ซึ่งจากนี้ไปจะเน้นการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายการวางสินค้าให้ครบทุกไซส์ในทุกช่องทางจำหน่าย โดยจะเพิ่มทีมขายเพื่อรองรับช่องทางจำหน่ายใหม่ๆ อาทิ ฟิตเนส สถาบันการศึกษา โดยปัจจุบันมีทีมขายรวม 1,700 คน รถส่งสินค้าอีก 700 คัน และมีคลังสินค้าในทุกจังหวัด

นอกจากนี้ บริษัทยังใช้งบทำตลาดจำนวน 20 ล้านบาท จากงบรวมทั้งปี 600 ล้านบาท สำหรับการทำตลาด ในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ โดยตั้งเป้า รายได้เฉพาะช่วงเทศกาลกินเจประมาณ 100 ล้านบาท

ทางด้านอัตราการเติบโตของบริษัทในปีนี้จะอยู่ที่ 12% โดยสูงกว่าภาพรวมของตลาดนมถั่วเหลืองที่มีอัตราเติบโตประมาณ 8%

ภาพประกอบข่าว