"แอลจี" บุกตลาดแอร์ครึ่งปีหลัง
แอลจีโอดเศรษฐกิจแย่กระทบตลาดแอร์ปีนี้ไม่โต ต้องรุกหนักครึ่งปีหลังอัดงบเพิ่ม 100 ล้าน หาเพิ่มร้านค้าอีก 100 แห่ง
แอลจีโอดเศรษฐกิจแย่กระทบตลาดแอร์ปีนี้ไม่โต ต้องรุกหนักครึ่งปีหลังอัดงบเพิ่ม 100 ล้าน หาเพิ่มร้านค้าอีก 100 แห่ง
นายสินเมธ อิ่มเอม หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์(ประเทศไทย)เปิดเผยว่าตลาดเครื่องปรับอากาศในปีนี้ได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาโดยในครึ่งปีแรกติดลบไปแล้ว3-5% ส่วนในครึ่งปีหลังตลาดจะบวกเล็กน้อย ส่งผลให้ภาพรวมตลาดปีนี้จะไม่เติบโต จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศต้องปรับตัวหันมารุกตลาดในครึ่งปีหลังมากขึ้นเพื่อเร่งยอดขายให้เข้าเป้าหรือพลาดเป้าน้อยที่สุด
“ปีนี้เป็นครั้งแรก ที่ต้องออกเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ช่วงกลางปีเพื่อมากระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง ซึ่งตามปกติแล้วการแข่งขันจะเกิดในช่วงครึ่งปีแรกหรือหน้าร้อนเป็นหลัก แต่ในปีนี้ประเมินภาวะอากาศแล้งยาวนาน ตลาดในครึ่งปีหลังจึงยังสามารถแข่งขันได้” นายสินเมธ กล่าว
สำหรับในปีนี้บริษัทได้ใช้งบทางการตลาดเพิ่มอีก 100 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ทั้งปี400 ล้านบาทเป็น 500 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้เพิ่มร้านค้าเพิ่มจากเดิมมี 300 ร้านค้าเพิ่มขึ้นอีก 100 ร้านค้า รวมเป็น 400 ร้านค้า ซึ่งแบ่งสัดส่วนเป็นร้านค้าแบบเทรดดิชั่นแนล 75% โมเดิร์นเทรด 15% และขายเข้าโครงการจัดสรร 10% เพื่อผลักดันให้ยอดขายเข้าเป้าที่ตั้งไว้ 4,400 ล้านบาทหรือคิดเป็นจำนวนที่ขาย 3 แสนยูนิตหรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 20%
พร้อมกันนี้ล่าสุดบริษัท ได้เปิดตัวเครื่องปรับรุ่น LG Mosquito Away ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถไล่ยุงได้ ครั้งแรกในไทย จากก่อนหน้านื้ได้เริ่มทำตลาดในอัฟริกาใต้ บังคลาเทศ อินเดีย และอินโดนีเซีย โดยคาดว่ารุ่นดังกล่าวจะทำยอดขายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า1แสนเครื่องหรือ 30% ของยอดขายรวม
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตอยู่ที่จ.ระยอง เพื่อผลิตเครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ โดยมีการส่งออกไปจำนวนทั่วโลก 30-40 ประเทศ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทแม่ยังไม่มีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทย หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีการย้ายฐานการผลิตโทรทัศน์จากไทยไปยังเวียดนาม
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขายรวมในปีนี้เติบโตขึ้น15% หรือมียอดขาย 2.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทภาพและเสียง 40% กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 30% เครื่องปรับอากาศ 20% และโทรศัพท์มือถือ 10%