ฮาจิโกะ กัปตัปฮอนค้า’คนใหม่ เดิมพันการพลิกโฉมครั้งสำคัญ

โดย...ก้องภพ เทอดสุวรรณ

เพื่อการแสดงวิสัยทัศน์ใหม่ของ ทาคาฮิโระ ฮาจิโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คนใหม่ของฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น พยายามเสนอภาพผู้คนที่มีความสุขกับการใช้ผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าหลายประเภทนับตั้งแต่เครื่องตัดหญ้าไปจนถึงหุ่นยนต์เดินสองขาอย่าง อาสิโมะ

อย่างไรก็ตาม บลูมเบิร์กระบุว่า คอนเซ็ปต์ดังกล่าวกลับเหมือน ฮอนด้ายังคงไม่หลุดออกจากกรอบความคิดแบบเดิมๆ และยังคงรำลึกถึงความสำเร็จในอดีต

“ผมเชื่อมั่นในพลังของคนฮอนด้า” ฮาจิโกะ กล่าวในงานแถลงข่าวเช่นนั้น ที่สำนักงานใหญ่ฮอนด้าที่กรุงโตเกียว เมื่อวันที่6 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นซีอีโอจากผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการ

ต้องยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของฮอนด้าได้รับผลกระทบ หลังจากข่าวคราวคุณภาพของรถยนต์รุ่น ฟิต ไฮบริด ในญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนรถยนต์ครั้งใหญ่ระดับโลกจากการตรวจพบความบกพร่องของถุงลมนิรภัยของทากาตะ

 

ถึงแม้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์หลายแห่งจะได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนรถเช่นกัน แต่ต้องยอมรับว่า ฮอนด้าถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากฮอนด้าพึ่งพาชิ้นส่วนรถยนต์หลายอย่างจากทากาตะ ส่งผลให้ฮอนด้าต้องเรียกรถยนต์คืนถึง 20 ล้านคันทั่วโลก

ถือเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับซีอีโอรายใหม่ของฮอนด้าทีเดียวที่ต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่นของแบรนด์ให้กลับมาให้ได้

ฮาจิโกะ ให้สัญญาว่าฮอนด้าจะเพิ่มเวลาให้มากขึ้นสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังจะสร้างระบบทีมระหว่างพนักงาน รวมถึงพัฒนาการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่อาจกลับมาอีก ซึ่งส่งผลให้กำไรของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สัญชาติปลาดิบลดลงเป็นอย่างมาก

เมื่อปีที่ผ่านมา กำไรของฮอนด้าขยับลงเกือบ 9% แม้จะภาคธุรกิจรถยนต์ในญี่ปุ่นจะได้รับแรงหนุนจากภาวะสกุลเงินเยนอ่อนค่าและสภาพการฟื้นตัวของยอดขายรถก็ตาม

 บลูมเบิร์กรายงานว่า กรณีดังกำไรหดเป็นประเด็นที่ฮอนด้าจริงจังกันอย่างมาก ถึงขนาดมีการปรับลดเงินเดือนของผู้บริหารระดับสูงกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายสำนักระบุตรงกันว่า ฮอนด้ายังคงไม่มีแผนฟื้นฟูอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเด็นที่ฮอนด้าจะเป็นหุ้นส่วนกับทากาตะต่อไปหรือไม่ ยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ

ทั้งนี้ ประเด็นปัญหากรณีทากาตะถือเป็นประเด็นที่ใหญ่มากในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากถุงลมนิรภัยไม่เพียงแต่พองตัวด้วยแรงที่มากเกินไปเท่านั้น แต่ยังมีเศษชิ้นส่วนแข็งๆ พุ่งออกมาด้วย กรณีดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนอย่างน้อยถึง 8 รายแล้ว และมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวอีกกว่า 100 ราย ส่งผลให้ต้องมีการเรียกคืนรถยนต์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของทากาตะครั้งใหญ่เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

 

ฮาจิโกะ ยืนยันว่า ฮอนด้ายังไม่มีแผนที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับทากาตะ โดยขณะนี้ฮอนด้าถือหุ้นอยู่ในทากาตะ 1.2% ซึ่งส่งผลให้กำไรของฮอนด้าได้รับผลกระทบจากวิกฤตทากาตะไปด้วย

ซีอีโอรายใหม่ของฮอนด้าผู้นี้ได้ให้สัญญาว่าจะทำให้ฮอนด้ากลับมามีกำไรให้ได้ โดยจะเน้นที่การฟื้นฟูประสิทธิภาพการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ “แบบฮอนด้า” ให้สู่ประชาชน

ถึงกระนั้น ยังเป็นเรื่องยากที่จะระบุว่า “แบบฮอนด้า” ที่ซีอีโอคนใหม่รายนี้หมายถึงมีรูปร่างเป็นอย่างไร เจ้าตัวเพียงแต่ยกตัวอย่าง การส่งออกรถยนต์รุ่นฟิตที่ผลิตในญี่ปุ่นไปต่างประเทศมากขึ้น และการปรับโฉมครั้งใหม่ของรถยนต์รุ่นซีวิค เท่านั้น

แน่นอนว่า ทั้งสองแนวคิดไม่ถือเป็นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่สำหรับกู้สถานการณ์แต่อย่างใด แต่ยังหวนคืนสู่รูปแบบเดิม และหันไปเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการร่วมมือกันระหว่างภูมิภาคและการสื่อสารเท่านั้น

 

ฮาจิโกะ ถือว่าเป็นลูกหม้อของฮอนด้า เจ้าตัวเริ่มทำงานกับฮอนด้าในฐานะทีมของหน่วยวิจัยและพัฒนามาตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งถือเป็นช่วงที่ฮอนด้าเพิ่งฟื้นตัวพอดี ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ฮาจิโกะย้ำเสมอว่าการฟังความเห็นจากคนที่อยู่หน้างานจริงๆ สำคัญมากสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 ฮาจิโกะมีโอกาสสำคัญในการได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการเผยโฉมรถยนต์มินิแวน รุ่น โอดิสซี ในอเมริกาเหนือ โดยการตั้งโรงงานผลิตใหม่ในแคนาดา นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในวิศกรหลักในโครงการ ซีอาร์วี รุ่น 2 ซึ่งถือเป็นรถรุ่นสร้างชื่อให้กับฮอนด้าในปี 2001

กระนั้นก็ตาม ซีอีโอรายใหม่นี้อาจติดกับดักความสำเร็จในอดีต จนการฟื้นฟูฮอนด้าในปัจจุบันติดขัดก็เป็นได้