posttoday

ก.เกษตรพร้อมเปิดอาคารประเทศไทยอวดโลก

01 พฤษภาคม 2558

ก.เกษตรพร้อมเปิดอาคารแสดงประเทศไทยอวดสายตาชาวโลกยกสินค้าแบรนด์ดังของไทยในงาน“เอ็กซ์โป มิลาโน 2015"

ก.เกษตรพร้อมเปิดอาคารแสดงประเทศไทยอวดสายตาชาวโลกยกสินค้าแบรนด์ดังของไทยในงาน“เอ็กซ์โป มิลาโน 2015"

นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาคารแสดงประเทศไทยและกองทัพสินค้าไทย พร้อมแล้วที่จะเปิดตลาดโลกในงาน Expo Milano 2015, Italy โดยอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ซึ่งมีพื้นที่จัดแสดงเกือบ 4,000 ตารางเมตร และเป็น 1 ใน 12 ประเทศที่มีพื้นที่ Pavilion ขนาดใหญ่ที่สุด ในงาน Expo Milano 2015, Italy เทียบเท่าประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์พร้อมอวดสายตาชาวโลกในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ทั้งนี้อาคารแสดงประเทศไทยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสะดุดตา ด้วยการนำอัตลักษณ์และภูมิปัญญาไทยที่เป็นเมืองแห่งเกษตรกรรม มาออกแบบอาคารเป็นรูป “งอบ” ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อยักษ์ใหญ่ในอิตาลีและติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยที่สุดในงาน
           
สำหรับการแสดงของประเทศไทย ที่จะนำไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ภายใต้แนวคิด “Thai Experience, Thai Live Exhibition” ขณะนี้ทุกการแสดงมีความพร้อมเต็ม 100% แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมแสดงหรืออุปกรณ์ที่จะนำไปแสดง ซึ่งทุกการแสดงล้วนสื่อให้เห็นถึงความเป็นไทยและวิถีชีวิตเกษตรกรรมของคนไทย ที่ผูกพันกับสายน้ำและฤดูกาลที่หมุนเวียน ทั้งฤดูฝน ฤดูหนาวและฤดูร้อน โดยอาคารแสดงประเทศไทยจะมีการจัดแสดงภายในงานทั้งหมด 6 ชุด หมุนเวียนทุกวัน วันละ 4 รอบ ได้แก่ 1.การแสดงวิถีน้ำของชาวไทย 2. การแสดงหุ่นละครเล็ก 3. การชกมวยคาดเชือก 4. การละเล่นผีตาโขน 5. การแสดงดนตรีประชันเปิงมางคอก และ 6. การแสดง Purcussion และที่สำคัญกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงานวันชาติไทย (วันที่ 24 สิงหาคม 2558) จึงเตรียมการแสดงศิลปะ แม่ไม้มวยไทยจาก “บัวขาว” นักมวยขวัญใจชาวไทยชื่อก้องโลก และการแสดง “นาค 3 ฤดู” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของวิถีเกษตรกรรมตลอดทั้งปีของไทย ที่ผูกพันกับธรรมชาติ ความเชื่อและวัฒนธรรม นำเสนอผ่านนาฎศิลป์สื่อผสม ภายใต้แนวคิด “เพาะปลูกหว่านไถ เก็บเกี่ยวกอบเกื้อ ชื่นชมเฉลิมฉลอง จิตวิญญาณแห่งการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน”

นายชวลิต กล่าวต่อไปว่า การเข้าร่วมงาน Expo Milano 2015, Italy ในครั้งนี้ จะเป็นการสร้างให้เกิดความเชื่อมั่นในสินค้าอาหารของไทยในนาม “ไทยแลนด์แบรนด์” ต่อนานาประเทศว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย และมีศักยภาพในการผลิตอาหารที่จะเลี้ยงโลกได้ นอกจากนิทรรศการแล้ว ยังมีการนำตัวอย่างสินค้าไปจำหน่ายในพื้นที่เชิงพาณิชย์ประกอบด้วย กลุ่ม Ready to eat ได้แก่ ข้าวหอมมะลิและข้าวกล้องพร้อมกับข้าวชนิดต่างๆ กลุ่ม Ready to go ได้แก่ ข้าวพร้อมกับข้าวประเภทต่างๆ ขนมหวานไทย ผลไม้อบแห้ง น้ำผลไม้ เครื่องดื่มสมุนไพร และกลุ่ม Ready to cook ได้แก่ เครื่องปรุงอาหาร ต่างๆ ซึ่งจะแสดงให้ประชาคมโลกตระหนักถึงขีดความสามารถ สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนหรือร่วมลงทุน และเป็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน

โดยในส่วนของภาคเอกชนที่พร้อมนำสินค้าไปร่วมจัดแสดงภายในงาน Expo Milano 2015, Italy ขณะนี้ มีมากว่า 10 แบรนด์ดัง อาทิ ไทยเบฟ (ThaiBev) ผู้ผลิตและจำหน่ายครื่องดื่มชาเขียวโออิชิ เอส โคล่า ฯลฯ , มาลี (Malee) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้กระป๋องแปรรูป , ดอยคำ (Doikham) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ , ซีพี (CP) ผู้ผลิตและจำหน่ายก๋วยเตี๋ยวเรือและผัดไทยสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ ไทยอารีย์ (Thai Aree), รอยไทย (โดยอำพลฟู้ดส์) ผู้ผลิตและจำหน่าย กะทิชาวเกาะและน้ำแกงพร้อมปรุง, บูโอโน่ (Buono) ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวเหนียวมะม่วงแช่แข็ง, Wokfood ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารแห้งและเครื่องปรุงในประเทศอิตาลี , ไทยพัฒนา (Thai Pattana) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทองม้วนกรอบ , เขาช่อง ผู้ผลิตและจำหน่ายถั่วเคลือบรสชาติต่างๆ ภายใต้แบรนด์ Lilly Tobeka  และ ออล โคโค่ (All Coco) ผู้ผลิตและจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอม ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ และพุดดิ้งมะพร้าว ฯลฯ
         
“ประเทศไทยมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ที่จะแสดงให้ประชาคมโลกได้ตระหนักถึงขีดความสามารถและสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในฐานะ “ครัวของโลก” และ “สร้างความสุขให้แก่ชาวโลก” ด้วยการเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ปลอดภัยในทุกกระบวนการ มีสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ มีสินค้าอาหารแปรรูปที่ได้มาตรฐานและทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อต่อยอดสู่การสร้าง “ไทยแลนด์แบรนด์” ให้มีความแข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าชมอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) มากถึง 2 ล้านคน นายชวลิต กล่าวในตอนท้าย