posttoday

เปิดกลยุทธ์ยุคดิจิทัล คิดสร้างสรรค์วัดผลได้

29 เมษายน 2558

สื่อที่มีการใช้มากที่สุด และเริ่มมีการหารายได้จากสื่อดังกล่าวมีด้วยกัน 2 สื่อหลัก คือ เฟซบุ๊ก และกูเกิล

โดย...จะเรียม สำรวจ

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป จากปัจจัยดังกล่าวทำให้นักการตลาดต้องออกมาปรับตัวอย่างหนัก เพื่อก้าวให้ทันกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนตาม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รับเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลไปแบบเต็มๆ

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีปัจจัยลบแฝงอยู่บ้าง แต่หากมองให้เป็นปัจจัยบวกก็มีอยู่มากมายเลยทีเดียวสำหรับการทำตลาด เพราะทำให้ต้นทุนลดลง เนื่องจากยุคดิจิทัลทำให้การโปรโมทสินค้าทำได้ง่ายขึ้นเพียงคลิกผ่านโลกออนไลน์

พงษ์ระพี  เตชพาหพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีทูเอส กล่าวว่า การจะใช้สื่อดิจิทัลมีเดียให้มีคุณภาพ ต้องสามารถวัดผลการตอบรับของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีต่อสินค้าได้ สื่อไหนที่ไม่สามารถวัดผลได้จะเริ่มลำบาก เพราะปัจจุบันเจ้าของสินค้ามีความต้องการสูง และถ้ายิ่งเป็นกลุ่มธุรกิจประเภทค้าปลีกนอกจากจะวัดผลว่าเข้าถึงผู้บริโภคได้มีประสิทธิภาพหรือไม่แล้ว ยังต้องวัดผลไปถึงว่าทำให้ผู้บริโภคกลับมาซื้อสินค้าได้หรือไม่

สิ่งดังกล่าวถือเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับนักการตลาดในยุคดิจิทัล เพราะปัจจุบันผู้บริโภคต้องการสิ่งที่มีความแปลกใหม่ตลอดเวลา  ดังนั้นนักการตลาดควรมีการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับสินค้า เพื่อดึงความสนใจผู้บริโภคให้มีความสนใจสินค้านั้นๆ

พงษ์ระพี กล่าวต่อว่า สื่อที่มีการใช้มากที่สุด  และเริ่มมีการหารายได้จากสื่อดังกล่าวมีด้วยกัน 2 สื่อหลัก คือ เฟซบุ๊ก และกูเกิล  โดยในส่วนของกูเกิลจะใช้เนื้อหาและข้อมูลของผู้อื่นมาทำเงินของตัวเอง ด้วยวิธีการเสิร์ช ขณะที่เฟซบุ๊กจะใช้ยอดกดไลค์ของสมาชิกที่มีเป็นจำนวนมากในการหารายได้ผ่านการโฆษณาแฝง

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่นักการตลาดหันมาใช้มากขึ้นในยุคนี้ คือ การจัดงานอีเวนต์ เนื่องจากสามารถวัดผลได้ทันทีจากจำนวนผู้สนใจที่เข้าร่วมงาน  ประกอบกับปัจจุบันผู้ประกอบการในธุรกิจอีเวนต์มีการนำสื่อดิจิทัลเข้ามาช่วยการจัดงานอีเวนต์ จึงทำให้งานอีเวนต์ที่จัดออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ดี เพื่อให้การทำตลาดมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะใช้ช่องทางใดในการทำตลาด ผู้ใช้สื่อต้องเข้าใจว่าสื่อไหนเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าไปทำตลาด และสื่อไหนทำแล้วสามารถวัดผลการตอบรับได้ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคฉลาดและมีทางเลือกในการรับสื่อมากขึ้น

เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ กล่าวว่า การก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลทำให้นักการตลาดมีเครื่องมือในการสื่อสารกับผู้บริโภคหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องทำการตลาดผ่านสื่อแมสมีเดียอย่างทีวีและวิทยุ ที่อยู่ในโลกแคบๆ เพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด 

สื่อออนไลน์ที่ได้รับความนิยมทำการตลาดมากที่สุดในตอนนี้ คือ สื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับสื่อดังกล่าวมากที่สุด เห็นได้จากการชมรายการทีวีที่หันมารับชมผ่านออนดีมานด์อย่างหน้าจอมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์แทนการรับชมแบบออนไทม์ผ่านทีวีมากขึ้น

ขณะที่การทำตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต้องมีความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ในส่วนของการทำธุรกิจอีเวนต์ก็ต้องมีการทำความเข้าใจความต้องการผู้บริโภคในยุคนี้เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันสังคมมีความซับซ้อนมากขึ้น

เกรียงไกร กล่าวอีกว่า แม้ว่าปัจจุบันเจ้าของสินค้าจะหันมาใช้อีเวนต์ในการทำตลาดมากขึ้น แต่ผู้จัดอีเวนต์ก็ต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้นเช่นกัน เพราะการแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่จำนวนผู้เข้าร่วมงานก็ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงกว่า 20 ปีก่อน ที่การจัดอีเวนต์ 1 งานไม่ต้องมีการโปรโมทอะไรก็มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีผู้ประกอบการจัดงานอีเวนต์ แต่ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป

ดังนั้น ผู้ประกอบการที่จัดงานอีเวนต์ต้องหันมาเล่นกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น และต้องหาช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ พร้อมกับคอยสังเกตพฤติกรรมของผู้บริโภคว่ามีความต้องการอย่างไร

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ปัจจุบันการจัดงานอีเวนต์มีความนีชมากขึ้น เพราะโอกาสที่จะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานมีน้อยลง ดังนั้นการจัดงานอีเวนต์จึงต้องจัดเพื่อกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเข้าไปทำตลาดอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังต้องมีทีมงานหลายด้านเพื่อดูแลความเรียบร้อย เพราะปัจจุบันมีปัจจัยแวดล้อมหลายด้านให้ต้องคิดมากขึ้นสำหรับการจัดงานอีเวนต์เนื่องจากมีเรื่องของลิขสิทธิ์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หลังจากผู้ประกอบปรับตัว ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจดีขึ้น ส่งผลให้เจ้าของสินค้าเริ่มออกมาใช้เงิน ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจอีเวนต์คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ธุรกิจอีเวนต์จะกลับมาเติบโต 10-15%

ไม่ว่าจะธุรกิจไหน หากนักการตลาดมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และทำการตลาดที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ทุกธุรกิจต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน