posttoday

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

20 เมษายน 2558

ทั้งหมดนี้ทำให้เข้าใจได้อย่างหนึ่งว่า “ทำไม” เหตุผลที่จะต้องจ่ายแพงกว่าน้ำมันปกติในอัตรา 3-5 บาท/ลิตร

โดย...พลพัต สาเลยยกานนท์

สัปดาห์นี้ขอพาผู้อ่านทุกท่านร่วมเดินทางไปเกาะขอบสนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ที่บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการฟอร์มูลาวัน (เอฟวัน) ของทีม “สคูเดอเรีย เฟอร์รารี่” (Scuderia Ferrari) ซึ่งเป็นพันธมิตรระดับโลกสำหรับความร่วมมือดังกล่าว

หลักใหญ่ใจความอยู่ที่เชื้อเพลิง ซึ่งเป็นขุมพลังภายในรถเอฟวันของทีมเฟอร์รารี่ ใช้น้ำมัน “เชลล์ วี-เพาเวอร์” ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับที่จำหน่ายอยู่ในสถานีบริการน้ำมันทั่วโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงคุณภาพน้ำมันที่จำหน่ายสู่ท้องตลาดเช่นเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่ง

ก่อนจะไปถึงการแข่งขันในรายการ “2015 ฟอร์มูลาวัน มาเลเซีย กรังด์ปรีซ์” นั้น เชลล์ ได้พาไปร่วมสัมผัสกับกิจกรรม “เชลล์ วี-เพาเวอร์ : ไซแอนซ์ ออฟ ไดรฟ์วิ่ง เอ็กซ์ไซเมนต์” (Shell V-Power : Science of Driving Excitement) ที่นำ มาร์ก จีน นักทดสอบรถ และเอสเตบัน กูเตียเรซ นักแข่งของทีมเฟอร์รารี่ มาขับโชว์สมรรถนะของน้ำมัน “เชลล์ วี-เพาเวอร์” ที่ถูกเติมใส่ในรถ “เฟอร์รารี่ แคลิ ฟอร์เนีย ที”

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

พร้อมกันนี้ ได้มีการอบรมให้ความรู้ถึงที่มาที่ไปในการพัฒนาสูตรน้ำมันด้วย แบบจำลองการผสมน้ำมันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการเติมแต่งสารเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ เข้าไปเพื่อให้เกิดความแตกต่างจากน้ำมันทั่วไป พร้อมการอธิบายและควบคุมโดยนักวิทยาศาสตร์เชลล์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างกันแบบแจ่มชัด ด้วยการนำรถยนต์เครื่อง 4 สูบ มาแบ่งออกเป็น 2 สูบใช้น้ำมัน “เชลล์ วี-เพาเวอร์” และอีก 2 สูบใช้น้ำมันทั่วไป ในรถยนต์คันเดียวกันบนเครื่องทดสอบในห้องทดสอบแบบจำลอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพของ 2 สูบที่ใช้น้ำมัน “เชลล์ วี-เพาเวอร์” ให้อัตราเร่งที่ดีกว่า 3-5% เมื่อเทียบกับอีก 2 สูบที่ใช้น้ำมันปกติ

เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดังกล่าวมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าจากผลลัพธ์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คือ สารฟริคชั่น โมดิฟายเออร์ (Friction Modifier) อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น คือ สารเพิ่มประสิทธิภาพการหล่อลื่น ช่วยลดแรงเสียดสีระหว่างลูกสูบกับกระบอกสูบ โดยจะมีการสร้างเนื้อฟิล์มเคลือบส่วนที่เคลื่อนไหวภายในเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทานและช่วยชำระล้างเครื่องยนต์ด้วยการเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบ

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

จากนั้นได้เดินทางเข้าสู่สนามเซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อีกครั้งเพื่อชม “ห้องทดลองของเชลล์” (ห้องแล็บ) ภายในสนาม ซึ่งห้องทดลองนี้มีนักวิทยาศาสตร์เชลล์ที่เป็นหนึ่งในทีมเอฟวันของเฟอร์รารี่ มีหน้าที่ในการเก็บตัวอย่างน้ำมันในทุกรอบการลงสนามของเอฟวันเฟอร์รารี่ เพื่อพัฒนาให้เหมาะสมกับการแข่งขัน รวมถึงต่อยอดการพัฒนาเพื่อนำไปสู่การค้นหาสูตรเชื้อเพลิงใหม่ตอบโจทย์การใช้งานและประสิทธิภาพของรถแข่งในสนามสู่รถที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

มาถึงการแข่งขันของ“สคูเดอเรีย เฟอร์รารี่” โดยนักแข่งชื่อดัง ได้แก่ เซบาสเตียน เวตเทล (Sebastian Vettel) ที่สามารถคว้าแชมป์ในสนามนี้ได้ด้วยการแข่งขันที่เร้าใจ สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการผสานพลังเชื้อเพลิงของ “เชลล์ วี-เพาเวอร์” กับรถแข่งฟอร์มูลาวันของเฟอร์รารี่ได้อย่างลงตัว

ทั้งหมดนี้ทำให้เข้าใจได้อย่างหนึ่งว่า “ทำไม” เหตุผลที่จะต้องจ่ายแพงกว่าน้ำมันปกติในอัตรา 3-5 บาท/ลิตรนั้น ก็เพื่อที่จะได้สิ่งที่ดีกว่า ซึ่งการเข้าร่วมสัมผัสในครั้งนี้รับรู้ได้อย่างหนึ่งว่า “ทำไม” ถึงต้องเลือกที่จะจ่ายแพงกว่า เพราะผลลัพธ์ครั้งนี้ที่สามารถคว้าชัยในการแข่งขัน และสิ่งที่แสดงผ่านผลลัพธ์บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในเครื่องยนต์เดียวกัน แต่แบ่งลูกสูบออกเป็น 2 ส่วนนั้น เห็นความแตกต่างอย่างแท้จริง ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องยืนยันประสิทธิภาพของน้ำมันได้เป็นอย่างดี

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

 

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

 

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

 

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

 

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

 

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์

 

เกาะขอบสนามฟอร์มูลาวัน พิสูจน์ วี-เพาเวอร์