posttoday

"พาณิชย์"หาทางรับมือผลไม้ออกสู่ตลาด

20 กุมภาพันธ์ 2558

"พาณิชย์” เตรียมถก“เกษตร” 2 มี.ค.นี้ หามาตรการรับมือผลไม้ออกสู่ตลาด เล็งดึงสินค้ากระจายผ่านโมเดิร์นเทรด

"พาณิชย์” เตรียมถก“เกษตร” 2 มี.ค.นี้ หามาตรการรับมือผลไม้ออกสู่ตลาด เล็งดึงสินค้ากระจายผ่านโมเดิร์นเทรด   

นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 2 มี.ค.2558 เพื่อร่วมกันจัดทำมาตรการรับมือผลไม้ฤดูการผลิตปี 2558 ที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาด โดยภาคตะวันออก มังคุดจะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมี.ค. เงาะ ทุเรียน เดือนเม.ย. ลองกอง เดือนก.ค.-ส.ค. ส่วนในภาคใต้ และภาคเหนือ ผลไม้จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. ทั้งเงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ขณะที่สับปะรด และกล้วย ผลผลิตออกสู่ตลาดเกือบทั้งปี

สำหรับแนวทางในการเตรียมความพร้อมด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์จะเร่งกระจายผลไม้ไปยังตลาดปลายทางนอกแหล่งผลิต ได้แก่ ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ตลาดกลางในภูมิภาค ตลาดชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ตลาดชุมชน และศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (ฟาร์ม เอาท์เล็ต) ) การส่งเสริมและรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยร่วมมือกับภาคราชการและเอกชนในการจัดเทศกาลผลไม้ จัดงานร่วมกับสินค้าโอท็อปในสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริมให้มีการแปรรูปผลไม้มากขึ้น และส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรกรมีการพัฒนาคุณภาพผลไม้แปรรูป

นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันการส่งออก โดยจัดคณะผู้แทนการค้าจากประเทศต่างๆ เข้ามาซื้อผลไม้ไทย จัดคณะผู้แทนการค้าไทยออกไปขายผลไม้ยังประเทศเป้าหมาย นำผู้ประกอบการค้าผลไม้เข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น ลาว เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย เป็นต้น จัดคาราวานสินค้าผลไม้ ผลไม้แปรรูป และสินค้าโอท็อปไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้าน และจัดการส่งเสริมการขายสินค้าภายในห้าง ที่จีน กัมพูชา ญี่ปุ่น อเมริกา และอิตาลี เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีแผนที่จะผลักดันการส่งออกผลไม้ไปยังหมู่เกาะมัลดีฟส์เป็นพิเศษ เพราะเป็นตลาดผลไม้ไทยที่มีศักยภาพและอนาคตดี โดยมัลดีฟส์เป็นเกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ทางทะเลที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกไปเยือนเฉลี่ยปีละ 1 ล้านคน ทั้งที่มีประชากรเพียง 3 แสนคนเท่านั้น ดังนั้น น่าจะทำตลาดผลไม้คู่กับตลาดนักท่องเที่ยวได้”นางดวงกมลกล่าว

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผักผลไม้ ทั้งในประเทศและที่ส่งออกต่างประเทศ จำเป็นต้องคำนึงถึงการผลิตที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน และต้องติดตามมาตรการนำเข้าของแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวก ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหากับผู้ประกอบการ โดยการแจ้งเตือนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในตลาดต่างๆ ของไทยทั้งในเอเชีย ยุโรป อเมริกา

นางดวงกมลกล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง เช่น ทุเรียน ลำไย ลำไยอบแห้ง มังคุด เงาะ มะม่วง มะขามหวาน เป็นต้น มีมูลค่า 1,268 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.13 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.98% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วน 84.70% ของการส่งออกผักผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง โดยมีตลาดหลัก คือ จีน เวียดนาม ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ซึ่งตลาดเหล่านี้ คิดเป็นสัดส่วนโดยรวม 77.76% ของตลาดส่งออกทั้งหมด โดยมีคู่แข่งที่สำคัญ คือ เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นชาติในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์  ได้แต่งตั้งผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบสินค้าเกษตรสำคัญ 1 คน ต่อสินค้า 1 ชนิด และให้ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรูปแบบคณะทำงาน เพื่อดูแลและจัดทำมาตรการแบบครบวงจรตั้งแต่แหล่งผลิตไปจนถึงตลาดต่างประเทศในสินค้า 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลไม้ และปาล์มน้ำมัน เพื่อดูแลราคา และให้เกษตรกรขายผลิตผลของตนเองได้อย่างคุ้มทุน.