posttoday

เอสโซ่ทุ่ม2.2พันล้านตีตลาดค้าปลีกน้ำมัน

08 พฤศจิกายน 2557

เอสโซ่ ทุ่ม 2,200 ล้านเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่น ปรับภาพลักษณ์ปั๊ม หวังเบียดขึ้นเบอร์ 2

เอสโซ่ ทุ่ม 2,200 ล้านเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่น ปรับภาพลักษณ์ปั๊ม หวังเบียดขึ้นเบอร์ 2

นายยอดพงศ์ สุตธรรม กรรมการและผู้จัดการการตลาดค้าปลีก บริษัท เอสโซ่(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทจะใช้เงินลงทุน 2,200 ล้านบาทแบ่งเป็น ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและบำรุงรักษาโรงกลั่น 1,200 ล้านบาท และด้านการตลาด 1,000 ล้านบาท โดยจะทำการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสถานีบริการน้ำมันที่ปัจจุบันมีอยู่ 520 แห่ง พร้อมการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ อาทิหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ถังน้ำมันใต้ดิน เพื่อรองรับการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี20 ให้ครบทุกสถานีจากปัจจุบันมีจำหน่ายอยู่ 30 สถานี

นอกจากนี้ บริษัทจะเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจในสถานีบริการน้ำมัน อาทิเทสโก้ โลตัส บี-ควิก แฟมิลี่มาร์ท ร้านกาแฟราบิก้า คอฟฟี่ และคาเฟ่ ดิโอโร่เป็นต้น เพื่อมุ่งเน้นการทำการตลาดค้าปลีกมากขึ้น พร้อมตั้งขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 30 แห่ง โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2558 จะเติบโตขึ้น 5% จากยอดขายน้ำมันในประเทศอยู่ที่ 3,000 ล้านลิตร/ปี หรือคิดเป็นมูลค่า 1 แสนล้านบาท ขณะที่ยอดขายรวมของบริษัทอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท/ปี โดยเป็นยอดขายผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นอีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทได้ตั้งทีมศึกษาวิจัยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำน้ำมันชนิดดังกล่าวมาจำหน่าย

"ปัจจุบันบริษัทมียอดขายอยู่ในลำดับที่3 โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2558 บริษัทจะสามารถก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 2 ได้อย่างมั่นคงจากการรุกตลาดอย่างจริงจัง และมีการจำหน่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 ครบทุกสถานี อีกทั้งยังเตรียมการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทยังไม่มีจำหน่าย เพื่อรักษาอันดับและสร้างยอดขายให้เติบโตในอนาคต" นายยอดพงศ์ กล่าว

นายมงคลนิมิตร เอื้อเชิดกุล กรรมการและผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวว่า การที่น้ำมันในตลาดโลกมีการผันผวนอย่างต่อเนื่องนั้น ยอมรับว่ามีผลกระทบทางธุรกิจอยู่บ้าง ส่วนกรณีที่รัฐบาลกำลังปรับโครงสร้างราคาน้ำมันนั้นบริษัทเห็นด้วยกับการปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดโลก เพื่อให้เกิดการสมดุลด้านราคาและการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ของกระทรวงพลังงานนั้น บริษัทเห็นว่าการสำรวจและขุดเจาะต้องพิจารณาว่ามีผลทางธุรกิจต่อบริษัทหรือไม่ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมโดยจะต้องขึ้นอยู่กับผลตอบแทน โดยจะต้องมองในระยะยาว พร้อมกับการพัฒนาต้นทุนให้สามารถแข่งขันในตลาดได้